‘สุริยะ’ เตรียมมอบการบ้าน ‘วีริศ’ ผู้ว่าการรถไฟฯ ป้ายแดง เร่งเคลียร์หนี้ 2.3 แสนล้าน-ลุยสร้างเมกะโปรเจกต์ระบบราง-พัฒนาการให้บริการ

“สุริยะ” เผย ครม. ไฟเขียวแต่งตั้ง “วีริศ อัมระปาล” นั่งผู้ว่าการรถไฟฯ คนใหม่ เตรียมบุกมอบนโยบาย ต.ค.นี้ วางเป้าพัฒนาอุตสาหกรรมระบบราง จ่อให้การบ้านเร่งเคลียร์หนี้ 2.3 แสนล้าน ขับเคลื่อนองค์กรสู่บิ๊กหน่วยงานของไทย พร้อมลุยเมกะโปเจกต์ต่อเนื่อง “ทางคู่-ไฮสปีด-สายสีแดง-ปรับปรุงขบวนรถ” ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่เมื่อวานนี้ (17 ก.ย. 2567) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานฯ มีมติแต่งตั้งให้ นายวีริศ อัมระปาล ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) คนใหม่ หลังจากคณะกรรมการสรรหาฯ ที่มีนายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย ประธานคณะกรรมการสรรหาฯ ได้พิจารณาคัดเลือกให้นายวีริศ เป็นผู้ที่มีความเหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว

ทั้งนี้ ตนในฐานะกำกับดูแลหน่วยงานการรถไฟฯ นั้น เตรียมเดินทางไปมอบนโยบายให้นายวีริศ ผู้ว่าการรถไฟฯ คนใหม่ในช่วงต้นเดือน ต.ค. 2567 เพื่อเร่งรัดการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางของไทยให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และขยายขีดความสามารถในการขนส่งทางรางให้ทัดเทียมนานาประเทศ ที่สำคัญ คือ ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางในภูมิภาคอาเซียน และเอเชียด้วย โดยคำนึงถึงประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และประเทศชาติเป็นสำคัญ

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายที่จะมอบหมายให้นายวีริศดำเนินการนั้น คือ จะต้องขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า โดยมีเป้าหมายให้การรถไฟฯ กลับมาเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่สำคัญของประเทศ พร้อมทั้ง จะต้องกำหนดนโยบายและทิศทางในการแก้ปัญหาให้ชัดเจน โดยเฉพาะการไขปัญหาหนี้สะสม ที่ในปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึงกว่า 2.3 แสนล้านบาท ซึ่งจะต้องลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ทั้งจากการขนส่งผู้โดยสาร การขนส่งสินค้า การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

ขณะที่โครงการฯ สำคัญที่จะต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการขนส่งทางราง โดยเฉพาะการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากทางถนน มาสู่ทางราง เพื่อลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศ กล่าวคือ เร่งรัดดำเนินการโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 4 โครงการ และเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการต่อพี่น้องประชาชน

นอกจากนี้ จะต้องเร่งรัดดำเนินการโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ทั้ง 7 เส้นทาง ซึ่งผ่าน ครม. แล้ว 1 เส้นทาง ส่วนอีก 6 เส้นทางให้เร่งผลักดันเพื่อนำเสนอให้ ครม. พิจารณาโดยเร็ว อีกทั้ง ให้การรถไฟฯ เร่งรัดโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงให้แล้วเสร็จตามแผน เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง และเชื่อมต่อการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปสู่ปริมณฑล ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม และสมเหตุสมผล

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ในปี 2568 ประเทศไทย และประเทศจีน จะมีความสัมพันธ์ครบ 50 ปี ดังนั้น การรถไฟฯ จะต้องเร่งดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ทั้ง 2 ระยะ ให้แล้วเสร็จ เพื่อเชื่อมต่อ One Belt One Road อย่างเป็นรูปธรรม แบ่งเป็น ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 250 กิโลเมตร (กม.) จำนวน 14 สัญญา ให้แล้วเสร็จตามแผน ซึ่งคาดว่า จะเปิดให้บริการได้ในช่วงกลางปี 2571 ส่วนระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 357 กม. นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมเสนอให้ ครม. พิจารณาอนุมัติโครงการ และคาดว่า จะเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปี 2571 ต่อไป

สำหรับการให้บริการผู้โดยสารนั้น มอบหมายให้การรถไฟฯ ยกระดับขบวนรถไฟ โดยการปรับปรุงขบวนรถไฟชั้น 3 (รถพัดลม) ให้เป็นขบวนรถปรับอากาศ (รถแอร์) เพื่อยกระดับการให้บริการพี่น้องประชาชน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลด้วย ทั้งนี้ จะสามารถทำให้การรถไฟฯ มีรายได้จากการให้บริการขบวนรถไฟพาณิชย์ได้เพิ่มมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า อัตราค่าโดยสารจะไม่กระทบต่อกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มผู้มีรายได้น้อยอย่างแน่นอน