รอหน่อย! ขสมก.ลุยจ้างเหมาเอกชนวิ่งให้บริการรถเมล์ EV 224 คัน วงเงิน 953 ล้าน คาดเปิดประมูล ก.ย.นี้ ลุ้นรับรถใหม่ช่วงต้นปี 66

ขสมก.ลุยจ้างเหมาเอกชนวิ่งให้บริการรถเมล์ EV 224 คัน มูลค่า 953 ล้าน ระหว่างรอแผนฟื้นฟูฯ เล็งเปิดประมูล ก.ย.นี้ คาดได้ผู้ชนะ ธ.ค. 65 ลุ้นเห็นรถใหม่ต้นปี 66 ชี้หากโครงการสำเร็จ ช่วยลดต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ–ค่าเหมาซ่อมรวม 230 ล้าน/ปี

นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า วันนี้ (21 ก.ค. 2566) ขสมก.ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงคุณธรรมร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ระหว่างหน่วยงานของรัฐ เจ้าของโครงการ ผู้ประกอบการ และผู้สังเกตการในโครงการจ้างเหมาบริการเดินรถโดยสารปรับอากาศที่ใช้พลังงานสะอาด (EV) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ จัดการเดินรถ และลดมลภาวะในเขตเมือง จำนวน 224 คัน วงเงิน 953 ล้านบาท

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว ได้มีการเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก. ได้เห็นชอบโครงการดังกล่าวแล้ว ตั้งแต่ช่วงปลาย ก.พ. 2565 โดย ขสมก. เล็งเห็นว่าโครงการดังกล่าว มีผกระทบต่อการให้บริการของประชาชน และมีมูลค่าโครงการค่อนข้างสูง จึงอยากให้มีความโปร่งใสในการทำงาน ขสมก.จึงได้จัดทำหนังสือถึงกรมบัญชีกลาง เพื่อนำโครงการเข้าสู่การลงนามบันถึงข้อตกลงคุณธรรมในครั้งนี้

นายกิตติกานต์ กล่าวอีกว่า หลังจากการลงนามแล้วเสร็จ จะเริ่มดำเนินการจัดประชุมเพื่อจัดทำร่างเอกสารการประกาศประกวดราคา (TOR) รวมทั้งรายละเอียดข้อกำหนดของโครงการฯ ในรูปแบบประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์(e-bidding)โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ส.ค. 2565 จากนั้นจะนำ TOR ขึ้นประชาวิจารณ์ผ่านเว็บไซต์ ของ ขสมก. หากไม่มีข้อท้วงติง คาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายใน ก.ย. 2565 ก่อนจะได้ผู้ชนะและลงนามสัญญาได้ภายในปลายปี2565 อย่างไรก็ตาม คาดว่า จะส่งมอบรถได้ในช่วงต้นปี 2566

“กำหนดการส่งมอบรถนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างจัดทำทีโออาร์ ซึ่งใน TOR นี้ จะระบุว่าจะส่งมอบรถภายในกี่วัน หรือส่งมอบแบ่งเป็นล็อต หากมีข้อท้วงติงก็จะนำกลับมาทบทวนแก้ไข เพื่อให้เกิดความโปร่งใสมากที่สุด แต่อาจส่งผลให้ไทม์ไลน์การดำเนินการล่าช้าออกไปอีก ส่วนแผนการจ้างเอกชนวิ่งให้บริการ เบื้องต้นกำหนดไว้2 ปี ระหว่างรอแผนฟื้นฟูฯ ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)” นายกิตติกานต์ กล่าว

นายกิตติกานต์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับรถ 224 คันที่จะนำมาให้บริการประชาชนนั้น คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ประมาณ 70 ล้านบาทต่อปี โดยที่ปัจจุบันจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ (NGV) อยู่ที่ 1,500 ล้านบาทต่อปี และช่วยลดต้นทุนค่าเหมาซ่อม ประมาณ 160 ล้านบาทต่อปี จากที่ปัจจุบันได้จ่ายค่าเหมาซ่อม 2,885 คันอยู่ที่ประมาณ 1,600 ล้านบาทต่อปี