สหภาพฯ กทพ. บุกคมนาคม วอนรัฐช่วยจ่ายค่าโง่ทางด่วน 4 พันล้าน หวั่นขาดสภาพคล่อง

สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กทพ. ยื่นหนังสือ “บิ๊กตู่”-กระทรวงคมนาคม หวังให้ขอรัฐบาลช่วยรับผิดชอบ หลังศาลปกครองสูงสุด ตัดสินให้ชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยตามที่กำหนดในสัญญา รวมแล้วกว่า 4 พันล้านบาท หวั่นขาดสภาพคล่อง กระทบการลงทุน-ความเชื่อมั่น

นายชาญชัย โพธิ์ทองคำ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ กทพ. เปิดเผยว่า สหภาพฯ น้อมรับคำตัดสินของศาลแต่รัฐบาลจะต้องเข้ามาดูแล เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าว มติคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2540 ให้ กทพ.ดำเนินการ โดย กทพ.ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของรัฐก็จำเป็นต้องดำเนินการตามมติดังกล่าว สหภาพ กทพ. จึงเล็งเห็นว่าไม่ใช่ความผิดที่เกิดขึ้นจาก กทพ.เอง จึงอยากให้รัฐบาลชุดปัจจุบันช่วยเหลือ

ทั้งนี้ ขอให้รัฐบาลชุดปัจจุบัน พิจารณาเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อ กทพ. หลังศาลปกครองสูงสุด ตัดสินให้ชำระเงินจำนวน 1,790 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยตามที่กำหนดในสัญญา รวมแล้วกว่า 4 พันล้านบาท แก่บริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM กรณีก่อสร้างทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ช่วงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ – รังสิต แข่งขันกับทางด่วน สายบางปะอิน – ปากเกร็ด

โดยเสนอแนวทางผ่านผู้บริหาร กทพ.ว่า ต้องการให้คณะรัฐมนตรีรับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหา และขอแนวทางการช่วยดูแล เนื่องจากหากนำเงินไปชำระตามคำสั่งของศาลจะทำให้ กทพ. ขาดสภาพคล่องทันที พร้อมทั้งยังต้องการให้ กทพ.นำเงินส่งกระทรวงการคลังในอัตรา 5-10% ต่อปีจาก 40% ต่อปี เพื่อนำไปชำระค่าชดเชยรายได้ให้แก่บริษัทจนกว่าจำชำระเสร็จสิ้น ทั้งนี้ในปี 2560 ที่ผ่านมา กทพ.นำเงินส่งรัฐเป็นจำนวนเงินกว่า 6,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หาก กทพ.จะต้องชำระเงินดังกล่าว จะกระทบการลงทุนในปี 2562 เช่น โครงการทางด่วนพิเศษพระราม 3 – ดาวคะนอง และกระทบความเชื่อมั่นของผู้ที่จะมาลงทุนในกองทุน TFF

นอกจากนี้ ยังยืนยันว่า สหภาพฯ มีจุดยืนเดียวคือไม่ขยายสัญญาทางด่วนขั้นที่ 2 กับคู่สัญญารายเดิม การดำเนินการหลังเสร็จสิ้นสัญญาทางฝ่ายบริหารมีแนวทางอยู่แล้ว แต่สหภาพฯ เสนอจุดยืนว่าไม่ขยายสัญญาให้ กทพ. นำมาทำเอง เนื่องจากมองว่า จะลดปัญหาข้อพิพาทและปัญหาการปรับค่าผ่านทาง เนื่องจากหากร่วมสัญญากับเอกชนจะต้องปรับตามสัญญาที่เอกชนเสนอ หากร่วมสัมปทานเช่นนี้อีก อนาคตก็จะมีข้อพิพาทเกิดขึ้นอีกและจะถูกฟ้องร้องเพิ่มขึ้นอีก