‘ศักดิ์สยาม’ บูม 2 โปรเจกต์ @ภูเก็ต เร่งเครื่องรถรางไฟฟ้าล้อยาง ‘สนามบินภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง’ & ทางด่วนกะทู้-ป่าตอง คาดเปิดใช้ในปี 70

ศักดิ์สยามตามงาน 2 โปรเจกต์ .ภูเก็ต เร่งเครื่องรถรางไฟฟ้าล้อยางเส้นทางสนามบินภูเก็ตห้าแยกฉลอง & ส่วนต่อขยายท่าฉัตรไชย ระยะทาง 58.5 กม. คาดเปิดใช้ปี 70 หวังลุ้นรองรับเจ้าภาพงานสเปเชี่ยลไลซ์ เอ็กซ์โป2028 พร้อมลุยทางด่วนกะทู้ป่าตองคาดเสร็จเปิดใช้ปี 70

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความก้าวหน้าการดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชน .ภูเก็ต และโครงการทางพิเศษ สายกะทู้ป่าตองว่า จากนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีความมุ่งมั่นพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งทั่วทั้งประเทศอย่างบูรณาการทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ

ทั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สร้างความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชน พร้อมสร้างความเชื่อมั่นในทุกโหมดการเดินทางที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงคมนาคมให้มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งกระทรวงฯ ได้เดินหน้าเสริมสร้างศักยภาพระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งสนับสนุน และรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันใน .ภูเก็ต

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า .ภูเก็ตมีโครงการสำคัญที่กระทรวงคมนาคมจะพัฒนาและเร่งรัดดำเนินการ ได้แก่ 1.โครงการระบบขนส่งมวลชน .ภูเก็ต ช่วงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตห้าแยกฉลอง และส่วนต่อขยายไปท่าฉัตรไชย ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีระยะทางรวมประมาณ 58.5 กิโลเมตร (กม.) จำนวน 23 สถานี

โดยโครงการดังกล่าว มีจุดเริ่มต้นโครงการระยะที่ 1 บริเวณท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ไปสิ้นสุดที่สถานีฉลอง ซึ่งอยู่ใกล้กับห้าแยกฉลอง โดยมีศูนย์ซ่อมบำรุงตั้งอยู่บริเวณสถานีถลาง และมีอาคารจอดแล้วจร จำนวน 2 แห่ง ที่บริเวณสถานีขนส่งและสถานีฉลอง สำหรับเส้นทางของส่วนต่อขยายไปยังท่าฉัตรไชย จะมีจุดเริ่มต้นที่บริเวณสถานีเมืองใหม่ ไปสิ้นสุดที่สถานีท่าฉัตรไชย

ทั้งนี้ รฟม. ได้ดำเนินการศึกษาเปรียบเทียบทางเลือกระบบเทคโนโลยีรถไฟฟ้าที่เหมาะสม ประกอบด้วย รถรางไฟฟ้าล้อเหล็ก รถรางไฟฟ้าล้อยาง และรถไฟฟ้า EBRT โดยได้ศึกษาเปรียบเทียบในมิติต่างๆ ทั้งทางด้านวิศวกรรมและจราจร ด้านการลงทุน ผลตอบแทน และด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งผลการศึกษาเปรียบเทียบ พบว่า รถรางไฟฟ้าล้อยาง มีความเหมาะสม

สำหรับการดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้ รฟม. คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2570 เพื่อให้สามารถรองรับการเดินทางของผู้เข้าร่วมชมงานสเปเชี่ยลไลซ์ เอ็กซ์โป 2028 (Specialised Expo 2028) ซึ่งประเทศไทยอยู่ระหว่างการเสนอเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดงาน

2.โครงการทางพิเศษ สายกระทู้ป่าตอง บริเวณทางหลวงหมายเลข 4029 (ปากอุโมงค์ฝั่งกะทู้) ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ก่อสร้างเป็นทางยกระดับ มีอุโมงค์อยู่ในช่วงกลางของแนวสายทาง ระยะทางรวม 3.98 กม. มีจุดเริ่มต้นโครงการเชื่อมกับถนนพระเมตตาในพื้นที่ .ป่าตอง และ .กะทู้ เป็นทางยกระดับขนาด 4 ช่องจราจรต่อทิศทาง ยกระดับจนถึงเขานาคเกิด ระยะทาง 0.9 กม.        

แล้วจึงเป็นอุโมงค์ลอดเขานาคเกิด ระยะทาง 1.85 กม. หลังจากผ่านช่วงภูเขาจึงเป็นทางยกระดับ ระยะทาง 1.23 กม. จนถึงจุดสิ้นสุดโครงการในพื้นที่ตำบลกะทู้ บริเวณจุดตัดกับ ทล.4029 และมีด่านเก็บค่าผ่านทางบริเวณด้านกะทู้ 1 ด่าน เก็บค่าผ่านทางทั้ง 2 ทิศทาง มีระบบต่างๆ ภายในอุโมงค์ ประกอบด้วย ระบบระบายอากาศ (Ventilation System) ระบบฉุกเฉินและป้องกันอัคคีภัย (Emergency system) ระบบไฟฟ้าส่องสว่าง (Lighting system)

นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย การควบคุมการใช้งานการสื่อสาร (Controller System) ระบบควบคุมและบริหารจัดการจราจร และมีมาตรการรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้ทางพิเศษออกแบบให้มีช่องทางรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะ มีรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน แบบ PPP Net Cost โดยภาครัฐรับผิดชอบการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน

ในขณะที่เอกชนรับผิดชอบการออกแบบรายละเอียดและการก่อสร้าง (รวมถึงค่าควบคุมงาน) และการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) โดยเอกชนเป็นผู้จัดเก็บรายได้ค่าผ่านทางทั้งหมด มีระยะเวลาร่วมลงทุนรวม 35 ปี ซึ่งความคืบหน้าล่าสุด กทพ. อยู่ระหว่างดำเนินการในขั้นตอนการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการ คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2570

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาเส้นทางคมนาคมที่ประสบอุทกภัย การแก้ไขปัญหาคันทางทรุดตัวบริเวณทางหลวงหมายเลข 4029 ตอน กะทู้ป่าตอง กม. ที่ 0+000 (โค้งแรงดัน) ส่งผลให้ต้องปิดถนน รถไม่สามารถสัญจรได้ ปัจจุบันมีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาแล้วกว่า 60% โดยสามารถเปิดให้ประชาชนสัญจรได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 .. 2565

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้พี่น้องประชาชนสัญจรไปมาได้อย่างสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น จากนั้นได้พบปะประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตที่มาให้การต้อนรับ พร้อมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพื่อนำมาพัฒนาการก่อสร้างโครงการต่างๆ ของกระทรวงฯ ในพื้นที่ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงประเด็นและยั่งยืนต่อไป

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ตนได้มีข้อสั่งการ ขอให้ดำเนินโครงการต่างๆ ภายใต้นโยบาย สะดวก รวดเร็วปลอดภัย สะอาด ราคาเป็นธรรม เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่กระทบและเป็นภาระกับประชาชน อีกทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาดินสไลด์อย่างยั่งยืน โดยให้ศึกษาวิธีการออกแบบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดินสไลด์อีก และดำเนินการจัดหาไฟฟ้าส่องสว่างบนถนนเพิ่มเติม

นอกจากนี้ การดำเนินการในทุกขั้นตอนขอให้ยึดหลักกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด อีกทั้งให้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานในสังกัดอย่างต่อเนื่อง ครบทุกมิติ เพื่อสร้างการรับรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชน