ครม. ไฟเขียว ‘การรถไฟฯ’ ซื้อแคร่ขนส่งตู้สินค้า 946 คัน กว่า 2.45 พันล้าน ทยอยรับมอบล็อตแรก ต.ค. 70 รองรับขนส่งทางรางเพิ่ม 9 ล้านตัน/ปี

ครม. ไฟเขียว “การรถไฟฯ” จัดซื้อแคร่ขนส่งตู้สินค้า 946 คัน วงเงิน 2.45 พันล้าน ทดแทนแคร่สินค้าเก่า-รองรับทางคู่ ลุยเปิดประมูล พ.ค. 69 แบ่งทยอยรับมอบรวม 5 ล็อต ปักธงเริ่มทดลองวิ่ง ต.ค. 70 ประเดิมเปิดหวูดเส้นทางไอซีดี – แหลมฉบัง ม.ค. 71 รับมอบครบ ม.ค. 75 เชื่อช่วยขยายตลาดขนส่งสินค้า รองรับตู้สินค้ามากกว่า 9 ล้านตัน/ปี ยกระดับฮับด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาค

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (5 ส.ค. 2568) มีมติอนุมัติจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สิ้นค้า (บทต.) โดยกำหนดให้นำชิ้นส่วนภายในประเทศและต่างประเทศมาประกอบภายในประเทศ จำนวน 946 คัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) วงเงิน 2,459.97 ล้านบาท หลังจากที่คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. มีมติเห็นชอบ โดยผลการศึกษาแนะใช้รูปแบบการจัดซื้อ มีความคุ้มค่ามากกว่าเช่า กำหนด เงื่อนไขประกอบในประเทศและใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ (Local Content) 40% นำเข้าจากต่างประเทศ 60% คาดจะใช้เวลาจัดหาและรับมอบใน 2 ปี โดยภายหลังจากได้รับความเห็นชอบจาก ครม. แล้ว การรถไฟฯ จะเริ่มดำเนินการจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ก.พ. 2569 และเปิดประกวดราคาได้ภายใน พ.ค. 2569 จากนั้นจะดำเนินการพิจารณาผลการประกวดราคา และลงนามในสัญญาภายใน ก.ย. 2569 โดยตั้งเป้าเริ่มประกอบรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าล็อตแรกได้ภายใน ก.ค. 2570

ด้านนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟฯ กล่าวว่า การจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าในครั้งนี้ จะดำเนินการในรูปแบบการส่งมอบเป็น 5 ล็อต ตามแผน ดังนี้

  • ล็อต 1 จำนวน 154 คัน คาดว่าจะเริ่มทดลองวิ่งได้ใน ต.ค. 2570 มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางไอซีดี – แหลมฉบัง ช่วง ม.ค. 2571
  • ล็อต 2 จำนวน 165 คัน มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางหนองคาย – แหลมฉบัง 132 คัน และอรัญประเทศ – แหลมฉบัง 33 คัน คาดว่า ม.ค. 2572
  • ล็อต 3 จำนวน 198 คัน มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางเชียงของ – แหลมฉบัง 99 คัน และนครพนม – แหลมฉบัง 99 คัน คาดว่าช่วง ม.ค. 2573
  • ล็อต 4 จำนวน 264 คัน มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางหนองคาย – แหลมฉบัง คาดว่า ช่วง ม.ค. 2574
  • ล็อต 5 จำนวน 165 คัน มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางหาดใหญ่ – แหลมฉบัง 99 คัน และอุบลราชธานี – แหลมฉบัง 66 คัน คาดว่า ช่วง ม.ค. 2575

สำหรับการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าดังกล่าว จะช่วยเสริมศักยภาพของระบบรางในการรองรับสินค้าน้ำหนักมาก อาทิ เกลืออุตสาหกรรม ปุ๋ย เม็ดพลาสติก และน้ำตาล ที่มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรถโบกี้รุ่นใหม่นี้จะเป็นขนาดพิกัดบรรทุก 62 ตัน รองรับได้ 2 ตู้ต่อคัน ซึ่งเป็นรูปแบบที่ภาคอุตสาหกรรมให้ความนิยมอย่างมาก ทั้งนี้ปัจจุบัน การรถไฟฯ มีรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าใช้งานอยู่รวมทั้งสิ้น 1,062 คัน แบ่งเป็น ขนาดพิกัดบรรทุก 39 ตัน จำนวน 146 คัน ขนาดพิกัดบรรทุก 45–50 ตัน จำนวน 608 คัน และขนาดพิกัดบรรทุก 62 ตัน จำนวน 308 คัน ซึ่งการจัดหารถเพิ่มเติมอีก 946 คัน จะช่วยขยายตลาดขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายวีริศ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน การรถไฟฯ มีปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางเฉลี่ยอยู่ที่ 13 ล้านตันต่อปี หากจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าได้ตามเป้าหมาย จะเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งได้มากกว่า 9 ล้านตันต่อปี ทั้งนี้ ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ในฐานะศูนย์กลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเอื้อต่อการพัฒนาเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในด้านการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จากแหล่งผลิตไปยังศูนย์ขนส่งทางราง เช่น ท่าเรือแหลมฉบัง (SRTO:Single Rail Transfer Operator) ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศในการส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลก อย่างไรก็ตาม โครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าในครั้งนี้ ไม่เพียงตอบสนองต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากถนนสู่ราง (Shift Mode) เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน