‘ศักดิ์สยาม’ กางแผนพัฒนาคมนาคมบก-ราง-น้ำ ‘เมืองกาญฯ’ อัปเดต! มอเตอร์เวย์ M81 คืบหน้า 82% เปิดใช้ปี 66 พร้อมขยายต่อถึง ‘ด่านพรมแดนบ้านพุน้ำร้อน’
“ศักดิ์สยาม” บุกลงพื้นที่ “กาญจนบุรี” กางแผนพัฒนาคมนาคม 3 มิติ “บก–ราง–น้ำ” พร้อมอัปเดตสร้างมอเตอร์เวย์M81 “บางใหญ่–กาญฯ” เสร็จแล้ว 82% คาดเปิดตามแผนในปี 66 ลุยขยายต่อถึง “ด่านพรมแดนบ้านพุน้ำร้อน” หลังศึกษา–ออกแบบเสร็จแล้ว หวังเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านโครงข่ายคมนาคมขนส่ง หนุนการท่องเที่ยว–เศรษฐกิจของประเทศ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งที่สำคัญในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี วันนี้ (14 ต.ค. 2565) ว่า ตนได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ดำเนินการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งที่สำคัญทุกโหมดการเดินทางในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านโครงข่ายคมนาคมขนส่ง มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ การดำเนินการแบ่งออกเป็น 3 มิติ คือ ทางบก ทางราง และทางน้ำ ประกอบด้วย 1.มิติการพัฒนาทางถนน ได้แก่ การพัฒนาโครงข่ายทางหลวง อาทิ โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 323 สายท่าเรือ–กาญจนบุรี ดำเนินการแล้วเสร็จ, โครงการก่อสร้างปรับปรุงบริเวณจุดตัดทางหลวงหมายเลข 323 กับทางหลวงหมายเลข 367 (แยกท่าล้อ) อยู่ระหว่างดำเนินการ
นอกจากนี้ ยังการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงชนบท อาทิ โครงการบำรุงถนนสาย กจ.4088 แยก ทล.3272-บ.อีต่องอ.ทองผาภูมิ อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ผลการก่อสร้าง 83.98% คาดว่าจะแล้วเสร็จใน ต.ค. 2565, โครงการสะพานข้ามแม่น้ำแควน้อย ตำบลท่าเสา และตำบลวังกระแจะ อ.ไทรโยค อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ผลการก่อสร้าง 30.62%
ขณะเดียวกัน ส่วนของแผนแม่บทการพัฒนาโครงข่ายเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค MR-MAP เป็นโครงข่ายคมนาคมที่ประกอบไปด้วยถนนมอเตอร์เวย์และทางรถไฟพัฒนาอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกันนั้น ได้ศึกษาแผนแม่บทฯ แล้วเสร็จเมื่อปี 2564 และคณะกรรมการจัดการจราจรทางบก (คจร.) ได้เห็นชอบแล้วปี 2565
โดยมีเส้นทางที่ผ่านพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ได้แก่ MR5 กาญจนบุรี (ด่านเจดีย์สามองค์)-อุบลราชธานี (สะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 6) ระยะทาง 832 กิโลเมตร (กม.) ซึ่งเป็น 1 ใน 3 โครงการนำร่อง และ MR6 กาญจนบุรี (ด่านพุน้ำร้อน)-สระแก้ว (ด่านอรัญประเทศ) ระยะทาง 390 กม.
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ในเส้นทางที่ผ่านจ.กาญจนบุรีนั้น คือ โครงการมอเตอร์เวย์ สาย M81 บางใหญ่–กาญจนบุรี ระยะทางรวมประมาณ 96 กม. ปัจจุบันการก่อสร้างงานโยธามีความก้าวหน้ากว่า 82% กำหนดเปิดให้บริการในปี 2566
ส่วนโครงการมอเตอร์เวย์ M81 กาญจนบุรี–ชายแดนไทย/เมียนมาร์ (บ้านพุน้ำร้อน) เป็นทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองขนาด 4 ช่องจราจร มีจุดเริ่มต้นจากมอเตอร์เวยื สายบางใหญ่–กาญจนบุรี สิ้นสุดที่ด่านพรมแดนบ้านพุน้ำร้อน ระยะทาง กม. ความก้าวหน้าการดำเนินงานได้ศึกษาความเหมาะสมของโครงการ (FS) และออกแบบรายละเอียดแล้วเสร็จสำหรับรูปแบบการลงทุนและแผนดำเนินโครงการอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย
ขณะที่ การเชื่อมโยงการขนส่งสาธารณะ การเชื่อมโยงระบบคมนาคมจากสถานีขนส่งผู้โดยสารไปยังสถานที่ต่างๆ ในจ.กาญจนบุรี ซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการ ได้แก่ รถโดยสารประจำทาง หมวด 1 สายที่ 2 ศาลาสองแคว–เชิงสะพานแก่งเสี้ยน, หมวด 4 สายที่ 1722 กาญจนบุรี–ลาดหญ้า, สายที่ 8170 กาญจนบุรี–ศรีสวัสดิ์, สายที่ 8172 กาญจนบุรี–บ้านพุน้ำร้อน, สายที่ 8203 กาญจนบุรี–สังขละบุรี และสายที่ 8520 กาญจนบุรี–ค่ายกองพลที่ 9
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า 2.มิติทางราง กระทรวงคมนาคมมีแผนพัฒนารถไฟทางคู่ทั่วประเทศ แบ่งเป็น ระยะเร่งด่วน จำนวน 7 เส้นทาง ระยะทาง 993 กม., ระยะที่ 2 จำนวน 7 เส้นทาง ระยะทาง 1,483 กม. และแผนพัฒนารถไฟทางคู่สายใหม่ระยะถัดไป จำนวน 12 เส้นทาง โดยมีเส้นทางที่อยู่ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี จำนวน 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางกาญจนบุรี–บ้านพุน้ำร้อน และเส้นทางกาญจนบุรี–สุพรรณบุรี–ชุมทางบ้านภาชี โดยทั้ง 2 เส้นทาง อยู่ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ขอรับการจัดสรรงบประมาณปี 2567 เพื่อศึกษาความเหมาะสมต่อไป
3.มิติทางน้ำ มีการพัฒนาทางน้ำในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ได้แก่ โครงการขุดลอกแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งโครงการจัดระเบียบแพสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากาญจนบุรี ร่วมมือกับจังหวัดกาญจนบุรี ในการจัดระเบียบแพจำนวน 50 หลัง ในแม่น้ำแควใหญ่ บริเวณท่าน้ำหน้าเมืองเขื่อนขุนแผน ให้แพพักเคลื่อนย้ายไปจอดไว้ในบริเวณที่เหมาะสม และโครงการสร้างความปลอดภัยในการคมนาคมขนส่งทางน้ำ
ทั้งนี้ เมื่อโครงการก่อสร้างต่างๆ ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรีแล้วเสร็จสมบูรณ์ จะทำให้การเชื่อมต่อด้านคมนาคมขนส่งทุกโหมดการเดินทางได้อย่างไร้รอยต่อ เพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายการคมนาคมขนส่ง สามารถรองรับปริมาณการเดินทางและคมนาคมขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมขนส่งกับภูมิภาคอื่นๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และมีความปลอดภัย อีกทั้ง ยังเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ตนได้มีข้อสั่งการให้เร่งรัดกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานเพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2566 ได้ตามเป้าหมายของกระทรวงคมนาคม 100% โดยเฉพาะงบลงทุน เพื่อเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ นอกจากนี้ การดำเนินการในทุกขั้นตอนขอให้ยึดหลักกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ การดำเนินโครงการต่างๆ ขอให้คำนึงถึงผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดกับพี่น้องประชาชนด้วย โดยอาจเริ่มดำเนินการตั้งแต่ก่อนดำเนินโครงการเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและให้หน่วยงานในพื้นที่เร่งซ่อมแซมสายทางที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถสัญจรได้อย่างสะดวกและปลอดภัย และประสานงานกับ จ.กาญจนบุรี เพื่อให้ความช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที
ขณะเดียวกัน ในการดำเนินการก่อสร้าง ให้หน่วยงานคมนาคมในพื้นที่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ รวมถึงให้ทำการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานในสังกัดอย่างต่อเนื่องและครบทุกมิติ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชน และมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ขยายผลการนำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขยายผลไปยังจังหวัดต่างๆ เช่น การนำรถเมล์ EV มาให้บริการประชาชน เป็นต้น