‘ศักดิ์สยาม’ ขนทัพ ‘คมนาคม’ กางโปรเจกต์ ‘บก-ราง-น้ำ’ จ.ลพบุรี สั่งเข้มมาตรการความปลอดภัย บูรณาการท้องถิ่น-เอกชน สนองความต้องการ ปชช.
“ศักดิ์สยาม” กางโปรเจกต์ “บก–ราง–น้ำ” @ลพบุรี ลุยพัฒนาโครงข่ายทางถนน “ทางหลวง–ทางหลวงชนบท” อัปเดตรถไฟทางคู่ “ลพบุรี–ปากน้ำโพ” คาดเปิดใช้ในปี 66 สั่งหน่วยงานฯ เข้มมาตรการความปลอดภัย พร้อมบูรณาการร่วมจังหวัด–เอกชน สนองความต้องการ ปชช.ในพื้นที่
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการให้บริการด้านคมนาคมขนส่งในพื้นที่ จ.ลพบุรี วันนี้ (7 ส.ค. 2565) ว่า การลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ลพบุรีในครั้งนี้ เพื่อติดตามความก้าวหน้าและเร่งรัดการดำเนินโครงการสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาด้านคมนาคมขนส่ง ประกอบด้วย มิติด้านการพัฒนาทางถนน โดยการพัฒนาโครงข่ายทางหลวง ซึ่งมีโครงการก่อสร้างทางในพื้นที่จังหวัดลพบุรีที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง 2 เส้นทาง ได้แก่
1.โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 366 ทางเลี่ยงเมืองลพบุรีด้านใต้ ตอน 1 ระยะทาง 6.550 กิโลเมตร (กม.) โดยขยายเป็น 4 ช่องจราจร) ปัจจุบันมีความก้าวหน้าโครงการ 65.58% คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2566 และ2.โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 366 ทางเลี่ยงเมืองลพบุรีด้านใต้ ตอน 2 ระยะทาง 7.952 กม. (ขยายเป็น 4 ช่องจราจร) ปัจจุบันมีความก้าวหน้าโครงการ 71.68% คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2566
นอกจากนี้ ยังมีโครงการทางหลวงที่ได้รับงบประมาณในปี 2565 (โครงการปีเดียว) อีก 11 โครงการ ระยะทาง30.158 กม. เช่น การพัฒนาทางหลวงย่านชุมชน การพัฒนาสะพาน ระบบระบายน้ำ เป็นต้น อีกทั้งยังมีการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงชนบท โดยมีโครงการที่ได้รับงบประมาณในปี 2565 จำนวน 51 โครงการ วงเงินงบประมาณ641.790 ล้านบาท เช่น โครงการปรับปรุงเรขาคณิตของทาง ถนนสาย ลบ.2034 แยก ทล.21-บ้านน้ำซับ ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม อ.เมือง จ.ลพบุรี เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและส่งเสริมการคมนาคมขนส่งให้ขยายตัวอย่างเป็นระบบโครงการฯ ดำเนินการแล้วเสร็จ
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ส่วนมิติการพัฒนาระบบรางนั้น โดยการพัฒนาเส้นทางรถไฟทางคู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี ได้แก่โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี–ปากน้ำโพ ซึ่งมีแนวเส้นทางเริ่มต้นจากสถานีบ้านกลับ สิ้นสุดที่สถานีปากน้ำโพก่อสร้างขนานไปกับทางรถไฟเดิม ก่อสร้างทางรถไฟ จำนวน 2 ทาง ได้แก่ ช่วงลพบุรี–ปากน้ำโพ (ช่วงบ้านกลับ–โคกกระเทียม) เป็นโครงสร้างทางรถไฟยกระดับที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ระยะทาง 19 กม. และเลี่ยงเมือง ระยะทางรวม29 กม. และช่วงลพบุรี–ปากน้ำโพ (ช่วงท่าแค–ปากน้ำโพ) ระยะทาง 116 กม. คาดว่าเปิดให้บริการในปี 2566
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคม มีแผนเร่งรัดการพัฒนารถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศ ระยะทาง 2,506 กม. โดยมีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่ผ่านพื้นที่จังหวัดลพบุรี ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ–พิษณุโลก ระยะทาง380 กม. จำนวน 7 สถานี ได้แก่ บางซื่อ ดอนเมือง อยุธยา ลพบุรี นครสวรรค์ พิจิตรและพิษณุโลก ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้เห็นชอบรายงาน EIA แล้ว และอยู่ระหว่างการหารือเรื่องรูปแบบการลงทุน
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ด้านมิติการพัฒนาทางน้ำ กระทรวงคมนาคม ได้ดำเนินหลายโครงการ อาทิ โครงการพัฒนาเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำป่าสัก หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 7 ต.ท่ามะนาว อ.ชัยบาดาล เพื่อแก้ไขปัญหาตลิ่งพังทลาย ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมทางถนนที่ประชาชนใช้เป็นทางสัญจรร่วมกัน รวมทั้งบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างของประชาชนบนฝั่ง ปัจจุบันมีความก้าวหน้าการดำเนินงาน 97% คาดว่าแล้วเสร็จใน ส.ค. 2565
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมมีโครงการเพื่อเชื่อมโยงระบบการขนส่งสาธารณะ จากสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดลพบุรี จำนวน 54 เส้นทาง รวมทั้งโครงการต่าง ๆ เพื่อรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยกำกับดูแลตรวจสอบความปลอดภัยการเดินรถโดยสารสาธารณะ ตั้งจุดตรวจเข้มข้นรถโดยสารสาธารณะ Checking Point การตรวจจับความเร็วรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุกด้วยกล้องเลเซอร์ ศูนย์บริหารจัดการการเดินรถด้วยระบบ GPS ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่งให้ประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย รองรับปริมาณการเดินทางและการขนส่งที่เพิ่มขึ้นในอนาคตได้อย่างเพียงพอ
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ได้มอบนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมดำเนินงานทุกโครงการ โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนเป็นลำดับแรก รวมทั้งความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และดำเนินการตามมาตรการและแนวปฏิบัติระยะยาวสำหรับโครงการก่อสร้างของกระทรวงคมนาคมทั้งหมด โดยเพิ่มมาตรการการตรวจสอบการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัย
อีกทั้งมีการนำระบบ Safety Audit มาใช้ในระหว่างการก่อสร้าง เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ประชาชนถึงมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการก่อสร้างของกระทรวงคมนาคม และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุหรือผลกระทบด้านความปลอดภัยต่อประชาชนผู้ใช้ทางขึ้นอีก รวมทั้งปรับปรุงโครงข่ายคมนาคมขนส่งในปัจจุบันให้มีความมั่นคงและความปลอดภัยเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้หน่วยงานเร่งพัฒนาระบบและวิธีการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูล การดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมให้กระชับ รวดเร็ว ทันสมัย และครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคเอกชนในการจัดระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ โดยพิจารณาให้ครอบคลุมทุกมิติเพื่อให้ตรงกับรูปแบบการใช้บริการของประชาชน รวมทั้งมีความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาโครงข่าย โดยให้หน่วยงานคมนาคมในพื้นที่บูรณาการกับ จ.ลพบุรี เพื่อใหัการจัดทำงบประมาณลงพื้นที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน