“Kuehne+Nagel ” ดันไทยศูนย์กลางขนส่งทางถนนในภูมิภาค พร้อมเปิดตัวคลังสินค้าแห่งใหม่รับการย้ายฐานผลิต !
Kuehne+Nagel ยกระดับบทบาทของประเทศไทยในระบบโลจิสติกส์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยแผนการลงทุนระยะยาวที่ผสานความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การขยายเครือข่ายข้ามพรมแดน และแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมเสริมศักยภาพประเทศไทยให้กลายเป็นจุดศูนย์กลางการขนส่งทางถนนของภูมิภาค
Dr. Hansjoerg Rodi, Executive Vice President Road Logistics, Kuehne+Nagel กล่าวว่า “ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์ระดับภูมิภาคด้วยศักยภาพในการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในโครงสร้างพื้นฐาน เครือข่ายขนส่ง และโซลูชันดิจิทัล เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว”
ในด้านคลังสินค้า บริษัทได้เปิดศูนย์โลจิสติกส์แห่งใหม่ในจังหวัดชลบุรี บนพื้นที่ 15,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับแนวโน้มการย้ายฐานการผลิตมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามกลยุทธ์ China+1 และเพื่อเสริมขีดความสามารถในการกระจายสินค้าสู่พื้นที่อุตสาหกรรมในภาคตะวันออกของไทย ปัจจุบันบริษัทมีคลังสินค้าทั้งหมด 7 แห่ง ซึ่งการลงทุนนี้จะช่วยเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ภายในประเทศกับการขนส่งข้ามพรมแดนได้อย่างไร้รอยต่อ
Kuehne+Nagel ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการขนส่ง โดยเฉพาะระบบติดตามสินค้าแบบเรียลไทม์ การใช้ระบบอัตโนมัติร่วมกับผู้ให้บริการ และการเชื่อมโยงข้อมูลศุลกากรข้ามแดนผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ทั้งนี้เพื่อลดเวลารอที่ชายแดน ลดขั้นตอนด้านเอกสาร และเพิ่มความแม่นยำในการจัดการซัพพลายเชนให้กับลูกค้า
ในด้านความยั่งยืน บริษัทเริ่มนำรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มาใช้ในการขนส่งสินค้าออกจากศูนย์กระจายสินค้าที่ชลบุรีและระยองสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยรถ EV เหล่านี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 200 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งเหมาะสมกับการกระจายสินค้าระยะสั้นในรัศมี 200 กิโลเมตรจากศูนย์ขนส่ง นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพและแนวทางการจัดทำระบบคาร์บอนเครดิตสำหรับอนาคตอีกด้วย
Dr. Hansjoerg Rodi กล่าวเพิ่มเติมว่า “การลดการปล่อยคาร์บอนเริ่มจากการวัดผลที่แม่นยำ เรากำลังใช้เทคโนโลยีและข้อมูลมาผสานกับความร่วมมือในระดับภูมิภาค เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบโลจิสติกส์ที่ปล่อยคาร์บอนต่ำอย่างแท้จริง”
Kuehne+Nagel เชื่อว่าเทคโนโลยีจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นระบบติดตามที่สามารถให้ข้อมูลสถานะสินค้าแบบเจาะจงถึงระดับกล่องหรือพาเลท ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ตลอดทั้งเครือข่าย สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่ลูกค้าใช้ประเมินความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการในอนาคต แม้ว่าเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างรถบรรทุกไร้คนขับจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการใช้งานในประเทศต่าง ๆ เช่น จีน แต่บริษัทเชื่อว่า การเตรียมความพร้อมทางโครงสร้างและการวางรากฐานในวันนี้ จะช่วยให้สามารถปรับตัวได้ทันเมื่อเทคโนโลยีพร้อมใช้งานในวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ภูมิภาคกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ Kuehne+Nagel ยังคงยึดมั่นในพันธกิจที่จะเชื่อมโยงตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยเครือข่ายโลจิสติกส์ที่ยืดหยุ่น ทันสมัย และยั่งยืน พร้อมสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางที่แท้จริงของภูมิภาคในระยะยาว
“ตลาดโลจิสติกส์ในไทย มีการแข่งขันสูงอยู่แล้ว สิ่งที่จะไม่ทำคือสงครามราคาแต่จะปรับกลยุทธ์ต่างๆให้เข้ากับตลาด ซึ่งเรามีจุดแข็งคือ ความน่าเชือถือ มาตฐานสูง และการบริการที่ดี เรามั่นใจว่า จุดแข็งเหล่านี้สามารถยืนหยัดอยู่ในตลาดได้ ” Dr. Hansjoerg Rodi กล่าว และทิ้งท้ายว่าอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในไทยจะเติบโตเท่าๆกับ GDP ของประเทศ และยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพ