‘ศักดิ์สยาม’ มอบ รฟท.-รฟม. พิจารณากำหนด TOR ใหม่-แก้ไขเพิ่มเติมให้ ‘เอกชนถ่ายทอดเทคโนโลยีกับสถาบันวิจัยระบบรางฯ’
“ศักดิ์สยาม” ตามความคืบหน้าจัดตั้งสถาบันวิจัยระบบรางฯ ลุยสรรหาประธานกรรมการ–คณะกรรมการคุณวุฒิภายใน 180 วันนับตั้งแต่กฤษฎีกามีผลบังคับใช้ มอบหมาย รฟท.-รฟม. พิจารณากำหนดในสัญญาฯ ให้เอกชนถ่ายทอดเทคโนโลยีกับ “สถาบันรางฯ” พร้อมเผยโครงสร้าง 7 ศูนย์ความเป็นเลิศ-1 สำนักงาน สั่ง ขร. หารือผู้ให้บริการระบบรางวางแผนวิจัย–ผลิตชิ้นส่วนใช้ในประเทศ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความก้าวหน้าการจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) ว่า ตามที่ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 138 ตอนที่ 46 ก เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2564 ได้มีประกาศพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) พ.ศ.1564 และต่อมากระทรวงคมนาคมได้มีคำสั่ง ที่ 110/2564 สั่ง ณ วันที่ 16 ส.ค. 2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) ในวาระเริ่มแรก ตามมาตรา 45 แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวนั้น
ทั้งนี่ ตนได้รับทราบกรอบระยะเวลาการดำเนินการของคณะกรรมการสถาบันวิจัยฯ ซึ่งจะดำเนินการใน 3 ด้าน ได้แก่แต่งตั้งข้าราชการในสังกัดกระทรวงคมนาคมขึ้นเป็นผู้อำนวยการในระยะเริ่มแรก การสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสถาบันวิจัยฯ และการสรรหาผู้อำนวยการสถาบันวิจัยฯ โดยคณะกรรมการสถาบันวิจัยฯ ดังกล่าว ต้องดำเนินการในการสรรหาประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับจากพระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ขณะนี้ กรมการขนส่งทางราง (ขร.) อยู่ระหว่างการดำเนินการ เรื่อง บุคลากรที่จะมาช่วยดำเนินงานวิจัยในสถาบันวิจัยฯ โดยได้บูรณาการร่วมกันกับมหาวิทยาลัยท้องถิ่นที่มีโครงการพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง และพิจารณาการนำผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศที่ได้มีการทำกรอบบันทึกความร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม เพื่อมาช่วยตั้งต้นสถาบันวิจัยฯ ในระยะแรก
ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินการพิจารณากำหนดในสัญญาที่จะลงนามใหม่ หรือพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดในสัญญาที่ได้ลงนามแล้ว โดยให้สถาบันวิจัยฯ ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบรางจากเอกชนคู่สัญญา และให้ครอบคลุมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่เจ้าหน้าที่หรือผู้ปฏิบัติงานของสถาบันวิจัยฯ ด้วย ซึ่ง ขร.จะมีการติดตามความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวต่อไป
*** โครงสร้างสถาบัยวิจัยระบบรางฯ ***
สำหรับโครงสร้างสถาบันวิจัยฯ จะถูกจัดเป็น 7 ศูนย์ความเป็นเลิศ และ 1 สำนักงาน เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินงานของสถาบันวิจัย ได้แก่
- ศูนย์ความเป็นเลิศด้านรถไฟความเร็วสูง (Excellent Center of High Speed Rail Tech) ทำหน้าที่เกี่ยวกับ วิจัย พัฒนารับและถ่ายทอดเทคโนโลยี พัฒนาองค์ความรู้ด้านการเดินรถและบำรุงรักษารถไฟความเร็วสูง
- ศูนย์ความเป็นเลิศด้านรถไฟขนส่งสินค้า (Excellent Center of Freight Rail Tech) ทำหน้าที่เกี่ยวกับ วิจัย พัฒนา รับและถ่ายทอดเทคโนโลยี พัฒนาองค์ความรู้ด้านการเดินรถและบำรุงรักษารถไฟขนส่งสินค้า
- ศูนย์ความเป็นเลิศด้านรถไฟฟ้าในเมือง (Excellent Center of Metro Rail Tech) ทำหน้าที่เกี่ยวกับ วิจัย พัฒนา รับและถ่ายทอดเทคโนโลยี พัฒนาองค์ความรู้ด้านการเดินรถและบำรุงรักษารถไฟฟ้าในเมือง
- ศูนย์ความเป็นเลิศด้านแบตเตอรี่สำหรับรถไฟ (Excellent Center of Battery Power Tech) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการวิจัยพัฒนา รับและถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบพลังงานอนาคตสำหรับรถไฟ เช่น Battery รถไฟ EV เป็นต้น
- ศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมระบบรางและการออกแบบสำหรับผู้โดยสาร (Excellent Center of Innovation Rail Tech) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีระบบรางในอนาคต เช่น MAGLEV TOD เป็นต้น
- ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการพัฒนาบุคลากรระบบราง (Excellent Center of Training Center) ทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้และฝึกอบรมเทคโนโลยีระบบราง เช่น รถไฟความเร็วสูง ความรู้ทางด้านรถไฟ เป็นต้น
- ศูนย์ความเป็นเลิศด้านข้อมูลระบบราง (Excellent Center of Rail Data Center) ทำหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลระบบรางทั้งระบบ เช่น งานวิจัยด้านระบบราง ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบราง องค์ความรู้ด้านระบบราง นอกจากนี้ จะทำวิจัยพัฒนา รับและถ่ายทอดเทคโนโลยี ที่เกี่ยวกับซอร์ฟแวร์ที่ใช้ในระบบราง ระบบอาณัตสัญญาณ 5G และความปลอดภัยทางดิจิทัล และ
- สำนักบริหารงานทั่วไป ทำหน้าที่ในการบริหารงานทั่วไป ทางด้านการเงิน/การบัญชี บุคลากร สถานที่ รวมถึง การจดทะเบียนสิทธิบัตรการวิจัย
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ได้สั่งการให้ ขร.ร่วมกับสถาบันวิจัยฯ สร้างความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา โดยให้จัดทำกรอบความร่วมมือ (MOU) กับแต่ละสถานศึกษา ในเรื่องการวิจัยและบุคลากร พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับต่างประเทศและจัดทำ MOU ในการถ่ายทอดเทคโนโลยี การวิจัยฯ และบุคลากร รวมถึงการจัดทำแผนกลยุทธ์(Roadmap) การประสานความร่วมมือให้ชัดเจน นอกจากนี้ ให้ ขร. หารือกับหน่วยงานผู้ให้บริการระบบราง(Operator) เกี่ยวกับชิ้นส่วนระบบรางที่ต้องการใช้ในการซ่อมบำรุง เพื่อเป็นข้อมูลให้สถาบันวิจัยฯ วางแผนการวิจัยและผลิตชิ้นส่วนเหล่านั้น ทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ
สำหรับสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) นั้น จัดตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่จัดทำยุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยีระบบรางของประเทศ วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง ร่วมมือกับองค์กรทั้งในและต่างประเทศในการพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง พัฒนาบุคลากรด้านระบบราง และจัดทำฐานข้อมูลด้านเทคโนโลยีระบบราง โดยมีเป้าหมายเร่งด่วน คือ การวิจัยชิ้นส่วนในระบบรางเพื่อให้สามารถผลิตรถไฟในประเทศ (Local Content) ได้ตามนโยบายThai First รวมทั้งการวิจัยเพื่อสร้างรถไฟ EV มาใช้ในประเทศไทย พร้อมกับการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย–จีน และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ได้มีการประชุม เพื่อพิจารณาการจัดสรรงบประมาณให้แก่สถาบันฯ และการสรรหาเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติงานยังสถาบันฯ ในระยะแรกเริ่ม (ปีที่ 1 หรือประมาณ 6 เดือน) จำนวน 80 คนแบ่งเป็น ผู้บริหารระดับสูง 3 คน, ผู้บริหารระดับกลาง 9 คน, ผู้บริหารระดับต้น 14 คน, ผู้เชี่ยวชาญ 9 คน, ผู้ปฏิบัติงานประเภทวิชาชีพระดับสูง 14 คน และผู้ปฏิบัติงานประเภทวิชาชีพระดับต้น 31 คน และจะเพิ่มในปีที่ 2 อีก 46 คน รวมมีบุคลากรและเจ้าหน้าที่ 126 คน อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ จะมีการพิจารณาหาสถานที่ เพื่อจัดตั้งอาคารของสถาบันฯ โดยในเบื้องต้น จะเป็นการเช่า โดยกระบวนการทั้งหมดนั้นจะแล้วเสร็จ และมีสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง(องค์การมหาชน) อย่างเป็นทางการใน ต.ค. 2564 ตามแผน