‘ทางหลวงฯ’ ดีเดย์ 1 มี.ค.นี้ เตรียมเก็บค่าผ่านทาง มอเตอร์เวย์ ‘ช่วงพัทยา-มาบตาพุด’ รถยนต์ 4 ล้อ 10-130 บาท
“ทางหลวงฯ” เตรียมจัดเก็บค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์สาย 7 “กรุงเทพฯ–ชลบุรี–พัทยา–มาบตาพุด” ตลอดสาย ตั้งแต่ 1 มี.ค.นี้ แบ่งราคาตามประเภทรถ หลังเปิดให้ใช้ฟรีส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา–มาบตาพุด ตั้งแต่ 22 พ.ค. 63 ระบุเงินที่เก็บได้ นำเข้าบัญชีฝาก ก.คลัง ไว้ใช้บำรุงรักษา–อัพเกรดระบบ พร้อมพัฒนาโครงข่ายมอเตอร์เวย์ในอนาคต
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ทล.จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 ในส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา–มาบตาพุด ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2564 เป็นต้นไปโดยจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางแบบระบบปิด (Closed System) ตลอดเส้นทาง ซึ่งมีการควบคุมทางเข้า–ทางออกอย่างสมบูรณ์ (Fully Controlled Access) ช่วยให้ผู้ใช้ทางสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย รวมทั้งมีระบบการให้ความช่วยเหลือดูแลผู้ใช้เส้นทางตลอดเส้นทาง 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 1 มี.ค. 2564 เป็นต้นไป เฉพาะผู้ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ที่เดินทางผ่านส่วนต่อขยายช่วงพัทยา–มาบตาพุด จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมผ่านทางเพิ่มขึ้น เช่น ค่าธรรมเนียมผ่านทางสำหรับรถยนต์ 4 ล้อ จากกรุงเทพฯ–มาบตาพุด (ด่านฯ อู่ตะเภา) จากเดิม 105 บาท เป็น 130 บาท หรือจากพัทยา–มาบตาพุด(ด่านฯ อู่ตะเภา) จากเดิมวิ่งฟรี จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมผ่านทาง 30 บาท เป็นต้น
สำหรับอัตราค่าธรรมเนียมผ่านทางตลอดเส้นทาง บนมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ–บ้านฉาง ช่วงกรุงเทพฯ–ชลบุรี–พัทยา–มาบตาพุด ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2564 เป็นต้นไป แยกตามประเภทยานพาหนะได้ดังนี้ รถยนต์ 4 ล้อ 10-130 บาท, รถยนต์ 6 ล้อ 15-210 บาท และรถยนต์มากกว่า 6 ล้อขึ้นไป 20-305 บาท โดยผู้ที่เดินทางสามารถเข้าออกได้ทุกด่าน อย่างสะดวก รวดเร็ว ตลอด 24 ชั่วโมง
นายสราวุธ กล่าวต่ออีกว่า เงินค่าธรรมเนียมผ่านทางที่จัดเก็บได้ทั้งหมด กรมทางหลวงจะนำฝากบัญชีเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง ซึ่งนำฝากไว้กับกระทรวงการคลัง เพื่อนำไปใช้บำรุงรักษาทาง สะพาน และเพิ่มประสิทธิภาพระบบอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยต่างๆ เช่น ระบบไฟฟ้าส่องสว่าง ระบบกล้องวงจรปิด CCTV โทรศัพท์ฉุกเฉินการให้บริการหน่วยกู้ภัย เป็นต้น
รวมถึงการนำไปใช้ในการก่อสร้างขยายโครงข่ายมอเตอร์เวย์ในสายอื่นๆ ในอนาคต เช่น มอเตอร์เวย์หมายเลข 82 สายบางขุนเทียน–บ้านแพ้ว เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดภาระงบประมาณแผ่นดินและรักษาวินัยทางการเงินของภาครัฐ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมระบบโลจิสติกส์และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศด้วย
ทั้งนี้ มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ–บ้านฉาง เป็นหนึ่งในโครงข่ายสำคัญตามแผนแม่บทการพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ระยะ 20 ปี เพื่อเสริมประสิทธิภาพการเดินทางและขนส่งทางถนน ถือเป็นทางเลือกในการเดินทางที่สำคัญ เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม เติมเต็มโครงข่ายคมนาคมขนส่งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เชื่อมโยงการขนส่งทั้งทางน้ำและทางอากาศ
อีกทั้ง ยังเชื่อมด่านการค้าชายแดนและพื้นที่อุตสาหกรรมหลัก ตลอดจนการเดินทางระหว่างภูมิภาค ซึ่งเป็นการแบ่งเบาปริมาณการจราจรจากทางหลวงสายหลัก ขยายโอกาสการค้าและการลงทุน ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออก รวมไปถึงภาคการส่งออกของประเทศ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต และกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน