‘คมนาคม’ รับมือน้ำท่วมภาคใต้ ‘ศักดิ์สยาม’ สั่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ด้าน ‘อธิรัฐ’ มอบ จท.ตั้งศูนย์ผู้ประสบภัย

“ศักดิ์สยาม” สั่งทุกหน่วยงานในสังกัดคมนาคมติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้อย่างใกล้ชิด ด้าน “อธิรัฐ” สั่งด่วน จท. ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย จัดเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อม 24 ชม. ลุยแจกน้ำดื่ม-ถุงยังชีพ ฟาก “ทางหลวงฯ” อัปเดตสถานการณ์น้ำท่วม 4 จังหวัด จราจรผ่านไม่ได้ 28 แห่ง เดินหน้าสนองข้อสั่งการดูแลประชาชน แนะผู้ใช้ทางระมัดระวังการเดินทาง “ทช.” จัดชุดปฏิบัติการเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ส่งผลให้มีประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมากนั้น จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคม ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการตามแผนป้องกันภัย พร้อมทั้งให้รายงานผลการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ตนได้สั่งการตั้งแต่การเกิดสถานการณ์ดังกล่าว ในช่วงเริ่มต้นที่ผ่านมาแล้ว

ด้านนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้สั่งการด่วนที่สุดให้กรมเจ้าท่า (จท.) ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยกรมเจ้าท่า สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ เรือพระราชทาน ยานพาหนะ สนับสนุนการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ในส่วนของกรมเจ้าท่าได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่รวม 91 นาย เรือ 27 ลำ รถยนต์ 13 คัน เพื่อนำน้ำดื่มจำนวน 1,080 ขวด ถุงยังชีพ 380 ชุด เข้าแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่เป็นการเร่งด่วนแล้ว

 

ขณะที่ นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ดังกล่าว ได้รับรายงานสถานการณ์น้ำท่วม และดินสไลด์ในโครงข่ายทางหลวง โดยจากข้อมูลวันนี้ (3 ธ.ค. 2563) เวลา 09.30 น. พบว่า มีน้ำท่วม 4 จังหวัด รวม 80 แห่ง แบ่งเป็น การจราจรผ่านได้ 52 แห่ง และผ่านไม่ได้ 28 แห่ง ประกอบด้วย 1.จ.ตรัง (4 แห่ง) การจราจรผ่านได้ 2 แห่ง และการจราจรผ่านไม่ได้ 2 แห่ง 2.จ.พัทลุง (5 แห่ง) การจราจรผ่านได้ 5 แห่ง 3.จ.นครศรีธรรมราช (51 แห่ง) การจราจรผ่านได้ 31 แห่ง และการจราจรผ่านไม่ได้ 20 แห่ง และ 4.จ.สุราษฎร์ธานี ( 20 แห่ง) การจราจรผ่านได้ 14 แห่ง และการจราจรผ่านไม่ได้ 6 แห่ง

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวงทั่วประเทศเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีพื้นที่ใดประสบปัญหา เจ้าหน้าที่จะเข้าพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทันที ตามนโยบายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นอกจากนี้ กรมทางหลวงได้ติดตั้งป้ายเตือนและอุปกรณ์ความปลอดภัย อุปกรณ์นำทาง ในบริเวณทางหลวงที่ถูกน้ำท่วม พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์จนกว่าจะคลี่คลาย

อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนผู้ใช้ทางโปรดใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด หากประชาชนต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือ ต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อ ได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง)


ด้านนายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กล่าวว่า สำนักบำรุงทาง ทช. ได้รายงานสถานการณ์อุทกภัยในขณะนี้ (3 ธ.ค.63 เวลา 08.30 น.) ว่ามีถนนทางหลวงชนบทที่ประสบอุทกภัยใน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช สงขลา ตรัง และพัทลุง โดยได้รับผลกระทบ จำนวน 43 สายทาง สามารถสัญจรผ่านได้ 33 สายทาง และไม่สามารถผ่านได้ 10 สายทาง จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่จัดชุดปฏิบัติการ เตรียมเครื่องมือเครื่องจักรเข้าดำเนินการให้ความช่วยเหลือและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมติดตั้งป้ายเตือนและปักเสาหลักขาวแดงเพื่อให้ประชาชนสัญจรด้วยความระมัดระวัง รวมถึงประสานกับหน่วยงานราชการต่างๆ ในพื้นที่ เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการช่วยเหลือประชาชน ตลอดจนรายงานข้อมูลสายทางที่ประสบภัยพิบัติให้ผู้บริหารได้รับทราบจนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ

ทั้งนี้ หากมีกรณีถนน/สะพานขาด ขอให้ดำเนินการซ่อมแซมเบื้องต้น หรือ กรณีต้นไม้หักโค่น ปิดทับ/กีดขวางเส้นทาง ให้รีบนำเครื่องมือเครื่องจักรเข้าดำเนินการทันที เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรผ่านได้ และเมื่อระดับน้ำลดเข้าสู่ภาวะปกติ หากตรวจพบสายทางที่เกิดความเสียหายรุนแรงให้ดำเนินการซ่อมแซมเบื้องต้น เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรไปมาได้ก่อน และเข้าดำเนินการสำรวจ ออกแบบ ประมาณราคา พร้อมภาพถ่ายสภาพความเสียหายหลังน้ำลด เพื่อขอสนับสนุนงบประมาณในการฟื้นฟูต่อไป อย่างไรก็ตาม ทช.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและจะรายงานทราบเป็นระยะ ๆ ต่อไป ประชาชนสามารถสอบถามหรือแจ้งเหตุอุทกภัย ได้ที่สายด่วนกรมทางหลวงชนบท 1146 ตลอด 24 ชั่วโมง