กทท. ต่อสัญญาร่วมลงทุนเอกชนท่าเทียบเรือตู้สินค้า บี 3 ทลฉ.

เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ดำเนินการต่อสัญญาร่วมลงทุน โดยวิธีการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการท่าเทียบเรือตู้สินค้า บี 3 ท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ทั้งนี้ คณะกรรมการ กทท. ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการต่อสัญญาร่วมลงทุนฯ ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568

สำหรับผลการเจรจาได้กำหนดอัตราผลประโยชน์ตอบแทนการต่ออายุสัญญาร่วมลงทุนท่าเทียบเรือตู้สินค้า บี 3 ทลฉ. ประกอบด้วย ผลประโยชน์ตอบแทนคงที่รายปี (Fixed Fee) รวมจำนวน 680 ล้านบาท และผลประโยชน์ตอบแทนเพิ่มเติม (Additional Fee) ปีที่ 1-5 จำนวน 325 บาทต่อทีอียู. (จากเดิม 275 บาทต่อทีอียู.) โดยผลประโยชน์ตอบแทนรวม (ผลประโยชน์ตอบแทนคงที่รายปี (Fixed Fee) บวกผลประโยชน์ตอบแทนเพิ่มเติม (Additional Fee)) ตลอดอายุสัญญา คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) จำนวน 677.16 ล้านบาท ที่ Discount Rate ร้อยละ 10 โดยมีการประกันรายได้ขั้นต่ำ/ปริมาณตู้สินค้าผ่านท่าขั้นต่ำ (Minimum Guarantee) เป็นจำนวน 420,000 ทีอียู.ต่อปี (จากเดิม 300,000 ทีอียู.ต่อปี) และในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 – 31 มีนาคม 2568 เป็นจำนวน 105,000 ทีอียู. ทั้งนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนฯ ตามมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนฯ พ.ศ. 2562

ทลฉ. เปิดดำเนินการโครงการ ทลฉ. ขั้นที่ 1 และ 2 โดยให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนตั้งแต่ปี 2534 เป็นต้นมา และ กทท. จะเร่งดำเนินการบริหารสัญญาสัมปทานของผู้ประกอบการท่าเทียบเรือเอกชนให้แล้วเสร็จ เพื่อดำเนินการให้การพัฒนา ทลฉ. สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของการขนส่งทางทะเลในปัจจุบันต่อไป