เปิดแล้ว! วิ่งฟรีมอเตอร์เวย์ ‘พัทยา-มาบตาพุด’ เล็งขยายเพิ่ม 7 กม. เชื่อม ‘สนามบินอู่ตะเภา’ รับ EEC เชื่อมกัมพูชา พร้อมผุดแผนแม่บทฯ บูรณาการรถไฟทางคู่
ดีเดย์! 4 โมงเย็นวันนี้ (22 พ.ค. 63) วิ่งฟรี 3 เดือน “มอเตอร์เวย์” หมายเลข 7 ส่วนต่อขยาย “ช่วงพัทยา–มาบตาพุด” ด้าน “บิ๊กตู่” สั่งขยายถึงสนามบินอู่ตะเภา เติมเต็มโครงข่ายคมนาคมสู่ EEC ฟาก “ศักดิ์สยาม” มอบ สนข. ถกร่วมทล.-รฟท. ลุยจัดทำแผนแม่บทมอเตอร์เวย์ เชื่อมกัมพูชา คาดแผนแล้วเสร็จภายใน 2 ปี พร้อมปั้นไทยสู่ฮับโลจิสติกส์อาเซียน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังพิธีเปิดทดลองให้บริการ (Soft Opening) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 ส่วนต่อขยายช่วงพัทยา–มาบตาพุดว่า กระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้กรมทางหลวง (ทล.) ดำเนินการพัฒนาโครงข่ายมอเตอร์เวย์ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการเดินทางและคมนาคมขนส่ง ทางบก ให้เชื่อมโยงกับรูปแบบการขนส่งทั้งทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580)
ทั้งนี้ จากนโยบายดังกล่าวนั้น เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2558 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงได้มีมติอนุมัติให้กรมทางหลวง ดำเนินโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ–ชลบุรี–พัทยา ส่วนต่อขยายช่วงพัทยา–มาบตาพุด และเตรียมเปิดทดลองให้ประชาชนได้ใช้บริการ ในวันนี้ (22 พ.ค. 2563) เวลา 16.00 น. ที่ด่านฯ อู่ตะเภาโดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง เพื่อทดสอบระบบ และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ ของภาคอุตสาหกรรม เติมเต็มโครงข่ายคมนาคมขนส่งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงขยายโอกาสการค้าและการลงทุน กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น พร้อมทั้งช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต และยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนด้วย
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า สำหรับมอเตอร์เวย์ช่วงพัทยา–มาบตาพุดนั้น คาดว่าจะมีปริมาณรถมาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 36,000 คันต่อวัน ถือเป็นการอำนวยความสะดวกขนส่งทางบก ทั้งการเดินทางปกติ การท่องเที่ยว และการขนส่งสินค้า ทำให้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC) เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2563 โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีนโยบายจะสร้างมอเตอร์เวย์ เส้นทางดังกล่าวไปถึงสนามบินอู่ตะเภา ระยะทาง 7 กท. ที่อนาคตจะรองรับผู้โดยสารมาใช้บริการได้เพิ่มเป็น 60 ล้านคนต่อปี รวมทั้งเติมเต็มโครงข่าย EEC ด้วย
นอกจากนี้ มอเตอร์เวย์สายดังกล่าว ยังสามารถต่อขยายจากอู่ตะเภาไปถึง จ.ระยอง จ.ปราจีนบุรี เพื่อเชื่อมต่อไปยังประเทศกัมพูชาได้ด้วย โดนในขณะนี้ ครม. จะปรับปรุงแผนสร้างมอเตอร์เวย์ในไทย โดยสั่งการให้บูรณาการสร้างมอเตอร์เวย์กับการก่อสร้างรถไฟทางคู่ โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นผู้ศึกษาและออกแบบ โดยให้ ทล. และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เข้ามาร่วมดำเนินการ เนื่องจากแผนแม่บทวางแผนก่อสร้างมอเตอร์เวย์ทั้งประเทศ ประมาณ 6,600 กม. ปัจจุบันดำเนินการได้ประมาณ 200-300 กม. เท่านั้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าแผนแม่บทดังกล่าว จะใช้ระยะเวลาในการจัดทำแล้วเสร็จภายใน 2 ปี
“หากแผนฯ สำเร็จจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางของระบบโลจิสติกส์ในอาเซียนอย่างแท้จริง เพราะจะทำให้เกิดการลงทุนขึ้นในอนาคต โดยใช้รูปแบบการลงทุนเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในกิจการภาครัฐ (PPP) โดยผู้ประกอบการคนไทยจะได้สิทธิ์ก่อน แต่ถ้าผู้ประกอบการไทยทำได้เต็มความสามารถแล้ว ถึงต้องเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการจากต่างประเทศเข้าร่วมต่อไป ขณะเดียวกันพื้นที่รอบข้างมอเตอร์เวย์ต้องกระจายความเจริญ โดยอนาคตต้องมีการเวนคืนเผื่อด้วย เพื่อสร้างสมาร์ทซิตี้ และเมืองการศึกษา เพื่อตอบโจทย์ประชาชน เป็นแรงดึงดูดการลงทุนได้” นายศักดิ์สยาม กล่าว
ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ–บ้านฉาง เป็นหนึ่งในโครงข่ายสำคัญตามแผนแม่บทการพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ระยะ 20 ปี เพื่อเสริมประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม เติมเต็มโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เชื่อมโยงการขนส่งทั้งทางน้ำและทางอากาศ ตลอดจนเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างภูมิภาค ขยายโอกาสการค้าและการลงทุน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยปัจจุบันได้เปิดให้บริการช่วงกรุงเทพฯ–ชลบุรี–พัทยา
ทั้งนี้ มอเตอร์เวย์ หมายเลข 7 ส่วนต่อขยายช่วงพัทยา–มาบตาพุดนั้น ใช้วงเงินลงทุนรวม 17,784 ล้านบาท เป็นค่าเวนคืน 6,000 ล้านบาท และค่าก่อสร้าง 11,784 ล้านบาท โดยกรมทางหลวงใช้เงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง ซึ่งเป็นรายได้ที่จัดเก็บจากค่าธรรมเนียมผ่านทางของมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 และหมายเลข 9 ที่เปิดให้บริการในปัจจุบันมาใช้ดำเนินการก่อสร้างทั้งหมด แบ่งงานก่อสร้างออกเป็น 14 สัญญา ได้แก่ งานโยธา 13 สัญญา และงานระบบ 1 สัญญา โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2559 ปัจจุบันงานในส่วนต่างๆ ใกล้แล้วเสร็จสมบูรณ์ และพร้อมเปิดทดลองให้ประชาชนได้ใช้บริการแล้ว
นายสราวุธ กล่าวต่ออีกว่า การเปิดทดลองให้บริการในครั้งนี้ ประชาชนที่เดินทางโดยมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 สามารถเลี้ยวเข้าสู่ส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา–มาบตาพุด บริเวณทางแยกต่างระดับมาบประชัน และจะเปิดให้เข้า–ออกเฉพาะจุดปลายทางบริเวณด่านอู่ตะเภา โดยกรมทางหลวงจะไม่เก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางเพิ่มสำหรับการใช้เส้นทางส่วนต่อขยายนี้ และเมื่อเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในช่วง ก.ย. 2563 จึงจะจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางในอัตราใหม่ตลอดเส้นทาง จากกรุงเทพฯ ถึง ด่านอู่ตะเภา รถยนต์ 4 ล้อ 25-130 บาท รถยนต์ 6 ล้อ 45-210 บาท และรถยนต์มากกว่า 6 ล้อขึ้นไป 60-305 บาท ตามลำดับ
สำหรับส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา–มาบตาพุดนั้น เป็นทางหลวงมาตรฐานสูงที่มีการควบคุมการเข้า–ออกอย่างสมบูรณ์(Fully Controlled Access) ขนาด 4-6 ช่องจราจร ระยะทาง 32 กิโลเมตร เชื่อมต่อทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 บริเวณทางแยกต่างระดับมาบประชัน มีด่านเก็บเงินค่าธรรมเนียมผ่านทาง 3 แห่ง ได้แก่ ด่านฯ ห้วยใหญ่เชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท บริเวณบ้านอำเภอ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี, ด่านฯ เขาชีโอน เชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 331 อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และด่านฯ อู่ตะเภา เชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิทบริเวณอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง มีระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง ทั้งระบบเงินสด และระบบอัตโนมัติ พร้อมทั้งระบบควบคุมการจราจรและระบบอำนวยความปลอดภัยต่างๆ ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง