“ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย“ ทุบสถิติตู้สินค้าผ่านท่าสะสม 50 ล้าน ทีอียู เดินหน้าท่าเรือยุคใหม่ ชุด D พร้อมเปิดปี 2569 เพิ่มกำลังรองรับอีก 3.5 ล้านทีอียู
บริษัท ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย (HPT) ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือขนถ่ายตู้สินค้า ท่า A2, A3, C1, C2 และท่าเทียบเรือชุด D ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ได้ทุบสถิติตู้สินค้าผ่านท่าสะสม 50 ล้าน ทีอียู พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และพาณิชยนาวีของประเทศไทย
ตั้งแต่เริ่มต้นปฏิบัติการในประเทศไทยเมื่อปี 2545 HPT ได้บรรลุหลักชัยอย่างต่อเนื่อง การบรรลุปริมาณตู้สินค้าผ่านท่าสะสม 50 ล้านทีอียูในครั้งนี้จึงนับเป็นเหตุการณ์สำคัญในการดำเนินงานของบริษัทฯ อีกทั้งยังตอกย้ำความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านโลจิสติกส์ของประเทศ

ในโอกาสนี้ มร. สตีเฟ้นท์ อาร์ทเวิรท กรรมการผู้จัดการ ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “เรารู้สึกภูมิใจที่ได้เฉลิมฉลองยอดสะสมตู้สินค้าผ่านท่าปริมาณ 50 ล้าน ทีอียู การบรรลุหลักชัยในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น นวัตกรรม และพันธมิตรที่แข็งแกร่งของเราตลอดสองทศวรรษ อีกทั้งยังสะท้อนความเชื่อมั่นที่ลูกค้า การท่าเรือแห่งประเทศไทย หน่วยงานภาครัฐ ผู้ให้บริการขนส่ง ผู้ส่งสินค้า และผู้ถือหุ้นมีให้ รวมถึงแรงสนับสนุนที่ช่วยให้เราสามารถบรรลุหลักชัยครั้งนี้ ผมขอแสดงความขอบคุณแก่ทุกท่านที่คอยอยู่เคียงข้างเราตลอดการเดินทางที่ผ่านมา”
ในอนาคต HPT ได้วางแผนส่งเสริมการพัฒนาด้วยท่าเทียบเรือชุด D ซึ่งเป็นท่าเทียบเรืออัตโนมัติที่พัฒนาขึ้นภายใต้โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) โดยท่าเทียบเรือชุด D จะเสร็จสมบูรณ์และพร้อมปฏิบัติการอย่างเต็มรูปแบบในต้นปี 2569 ที่จะถึงนี้ และจะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ผ่านการยกระดับขีดความสามารถในการรองรับสินค้าและเทคโนโลยีล้ำสมัย
ท่าเทียบเรือชุด D มีความยาวหน้าท่า 1,700 เมตร และความลึก 16 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งสามารถรองรับเรือขนส่งตู้สินค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้ โดยภายในท่าเทียบเรือยังมีการบริหารจัดการและปฏิบัติการด้วยระบบดิจิทัลที่ทันสมัยต่างๆ อาทิ Terminal Operating System (TOS) n-Gen และประตูตรวจสอบตู้สินค้าอัตโนมัติ อีกทั้งยังติดตั้งเครื่องมือพลังงานไฟฟ้าหลายอย่าง อาทิ เครนยกขนตู้สินค้าหน้าท่าและในลานควบคุมระยะไกล และรถหัวลากอัตโนมัติไร้คนขับ ซึ่งช่วยให้ปฏิบัติการมีความปลอดภัยและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ในต้นปี 2569 ท่าเทียบเรือชุด D จะมีเครนยกขนตู้สินค้าหน้าท่าควบคุมระยะไกล 17 คัน เครนยกขนตู้สินค้าในลานแบบล้อยางควบคุมระยะไกล 43 คัน และรถยกตู้สินค้า 10 คัน การลงทุนในเครื่องมือยกขนตู้สินค้าเหล่านี้จะทำให้ท่าเทียบเรือมีขีดความสามารถในการรองรับสินค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 3.5 ล้านทีอียู
HPT ยังเป็นผู้บุกเบิกด้านการใช้รถหัวลากอัตโนมัติที่ติดตั้งระบบเรียนรู้ด้วย AI เซนเซอร์ และเทคโนโลยีสร้างแผนที่ 3D ซึ่งทำให้รถหัวลากอัตโนมัติไร้คนขับเหล่านี้สามารถปฏิบัติการคู่กับรถหัวลากไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย เพิ่มประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือครอบคลุมปฏิบัติการทั้งหมดในท่าเทียบเรือ
มร. อาร์ทเวิรท เสริมว่า “วิสัยทัศน์ของเราคือการเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบ การปรับใช้อุปกรณ์พลังงานไฟฟ้า รถหัวลากอัตโนมัติ และปฏิบัติการที่เป็นดิจิทัล จะช่วยให้เราสามารถลดการปล่อยคาร์บอน พร้อมสร้างสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นให้แก่พนักงานของเรา โดยเราจะยังคงมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนต่อไป เพื่อบรรลุเป้าหมายในการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ในปี 2593”
ประวัติของ ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย
- ปี พ.ศ. 2545 เปิดให้บริการท่าเทียบเรือ A2 อย่างเป็นทางการ
- ปี พ.ศ. 2549 เปิดให้บริการท่าเทียบเรือ A3
- ปี พ.ศ. 2550 เปิดให้บริการท่าเทียบเรือ C1&C2
- ปี พ.ศ. 2559 เริ่มการก่อสร้างท่าเทียบเรือ ชุด D
- ปี พ.ศ. 2562 เปิดให้บริการท่าเทียบเรือ ชุด D
- ปี พ.ศ. 2565 ครบรอบ 20 ปี ในการดำเนินธุรกิจท่าเทียบเรือในประเทศไทย
- ปี พ.ศ. 2566 มียอดสะสมตู้สินค้าผ่านท่า รวมกว่า 40 ล้าน ทีอียู
- ปี พ.ศ. 2567 เริ่มต้นใช้งานระบบประตูตรวจสอบตู้สินค้าอัตโนมัติ
- ปี พ.ศ. 2568 มียอดสะสมตู้สินค้าผ่านท่า รวมกว่า 50 ล้าน ทีอียู