WHAID ผนึกกำลังมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ นำร่องโครงการปลูกป่าและพัฒนาพื้นที่สีเขียว ในนิคมอุตสาหกรรม WHA เพิ่มแหล่งดูดซับคาร์บอนฯ สู่เป้าหมาย Net Zero ขององค์กรภายในปี 2593

ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป โดยบริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAID ผู้นำอันดับหนึ่งด้านการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมครบวงจรในประเทศไทย ได้ลงนามสัญญาในการพัฒนาพื้นที่สีเขียวและปลูกป่ากับ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ “มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ” ณ สำนักงานใหญ่ WHA Tower เพื่อร่วมกันดำเนินโครงการปลูกป่าและพัฒนาพื้นที่สีเขียวในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ โดยในปีนี้จะเริ่มดำเนินการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 2 (WHA ESIE 2) นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 (WHA ESIE 3) จังหวัดชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 (WHA Rayong 36) จังหวัดระยอง คิดเป็นพื้นที่รวมประมาณ 108 ไร่ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว ฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ พัฒนาแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต และปรับปรุงคุณภาพดิน เพื่อต่อยอดสู่การสร้างพื้นที่สาธารณประโยชน์ให้แก่ชุมชนโดยรอบอย่างยั่งยืน

โครงการดังกล่าวเป็นการผสานความเชี่ยวชาญของสององค์กรที่มีวิสัยทัศน์สอดคล้องกัน โดย WHAID พัฒนานิคมอุตสาหกรรมทั้ง 15 แห่งในประเทศไทย และ 1 แห่งในประเทศเวียดนาม ภายใต้แนวคิด “นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะ (Smart Eco Industrial Estate)” ที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ นำองค์ความรู้และประสบการณ์ “ปลูกป่า ปลูกคน” ที่ประสบความสำเร็จจากโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย และแนวคิดเกษตรเชิงฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) มาต่อยอดและขยายผลสู่พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดชลบุรีและระยอง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยจะเริ่มปลูกป่า ที่เน้นไม้ป่าท้องถิ่นและไม้เศรษฐกิจแบบวนเกษตร และสำรวจข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพบนพื้นที่สีเขียวของนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 2 (WHA ESIE 2) และจะดำเนินการพัฒนาพื้นที่สีเขียวของนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 (WHA ESIE 3) และนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 (WHA Rayong 36) ด้วยการพัฒนาและฟื้นฟูความสมบูรณ์ของดิน ผ่านแนวคิดเกษตรเชิงฟื้นฟูและการปรับปรุงดิน (Soil Regenerative) ให้เตรียมพร้อมต่อการปลูกต้นไม้และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพต่อไปในอนาคต

คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA Group) กล่าวว่า โครงการปลูกป่าและพัฒนาพื้นที่สีเขียวในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของ WHA ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ WHA Group โดย WHAID ที่ไม่เพียงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านอุตสาหกรรม แต่ยังมุ่งสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อความยั่งยืน โดยในปีนี้จะนำร่องโครงการปลูกป่าและพัฒนาพื้นที่สีเขียวในนิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง บนพื้นที่กว่า 108 ไร่ ด้วยการปลูกไม้ป่าท้องถิ่นและไม้เศรษฐกิจแบบวนเกษตร รวมกว่า 20,000 ต้น ควบคู่กับการอนุรักษ์ต้นไม้ดั้งเดิมในพื้นที่ และจะขยายผลต่อเนื่องไปในนิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ ในปีถัดๆ ไป เพื่อสร้างคุณค่าร่วมให้กับธุรกิจ ชุมชน และสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มแหล่งดูดซับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อันเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเป้าหมาย “Net Zero 2050” ของ WHA Group

หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล เลขาธิการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า “มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เชื่อมั่นว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนต้องเดินคู่กันระหว่าง ‘คน’ และ ‘ธรรมชาติ’ ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นต้นแบบการบูรณาการองค์ความรู้ด้านการฟื้นฟูระบบนิเวศเข้ากับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลและยั่งยืนระหว่างเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ นำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกป่าพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) จังหวัดเชียงราย จะนำประสบการณ์ฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ และตลอดจนการแก้ไขปัญหาที่อาศัยธรรมชาติ (Nature-based Solutions) มากกว่า 30 ปี มาขยายผลต่อยอด เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับพื้นที่อื่นๆ ในประเทศไทย โดยสำหรับพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 2 (WHA ESIE 2) จะดำเนินการปลูกไม้ป่าท้องถิ่นและไม้เศรษฐกิจแบบวนเกษตร มากกว่า 20 ชนิด และอนุรักษ์ไม้ดั้งเดิมกว่า 87 ชนิด ด้วยรูปแบบการปลูกป่าเลียนแบบธรรมชาติ เพื่อฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศ เพิ่มความชุ่มชื้นในดิน และเชื่อมป่าดั่งเดิมกับป่าปลูกใหม่ให้เกิดความสมบูรณ์อย่างสมดุล ด้านการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้ดำเนินการสำรวจเก็บข้อมูลพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศเดิม (Biodiversity Baseline) เมื่อเริ่มต้นโครงการ และจะดำเนินการเก็บข้อมูลซ้ำเพื่อเปรียบเทียบชนิดและจำนวนของสิ่งมีชีวิตภายในพื้นที่สีเขียว ทั้งนี้ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เชื่อว่าโครงการดังกล่าว ผู้รับประโยชน์ไม่ใช่แค่ภาคธุรกิจ แต่รวมถึงพนักงาน ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม ประชาชนทั่วไป และชุมชนบริเวณรอบนิคมอุตสาหกรรมที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่สีเขียวได้”

ความร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ในครั้งนี้ไม่เพียงตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม หากยังเป็นการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ของ WHA Group สู่การเป็นองค์กรที่มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero 2050) ผ่านการสร้างและพัฒนาพื้นที่สีเขียวภายในนิคมอุตสาหกรรมที่จะช่วยเพิ่มแหล่งดูดซับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และ

สร้างพื้นที่สาธารณประโยชน์ให้กับชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรม WHA Group และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ มุ่งมั่นที่จะทำให้โครงการนี้เป็นต้นแบบของความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมกับองค์กรพัฒนาสังคม ที่สามารถต่อยอดสู่พื้นที่อุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ในอนาคต อีกทั้งยังตอกย้ำบทบาทของ WHA Group ในการ “สร้างอนาคต” ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนภายใต้แนวคิด “WHA: WE SHAPE THE FUTURE”