‘กรมรางฯ’ คลอดประกาศสกัด ‘โควิด-19’ พร้อมรับลูกมาตรการ ศบค. วอนผู้ให้บริการขนส่งทางรางเว้นระยะห่าง-จำกัดจำนวนภายในสถานี ลดความหนาแน่น

กรมรางฯคลอดประกาศสกัดโควิด-19” วางกรอบดำเนินการให้หน่วยงานให้บริการขนส่งระบบราง ลุยพีอาร์วอนปชช.เดินทางเท่าที่จำเป็น สั่งบริหารจัดการเว้นระยะห่างบนขบวนรถจำกัดจำนวนภายในสถานีไม่ให้หนาแน่น พร้อมร่วมมือเดินรถช่วง 23.00-04.00 . เท่าที่จำเป็น สอดรับมาตรการ ศบค.

นายกิตติพันธ์ ปานจันทร์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า วันนี้ (17 เม.. 2564) ตนได้ลงนามออกประกาศกรมการขนส่งทางราง เรื่อง แนวทางปฏิบัติการเพื่อป้องกันและยับยั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 18 เม.. 2564 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่จะคลี่คลาย หรือมีประกาศเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ ในส่วนรายละเอียดของประกาศดังกล่าวนั้น มีใจความว่า ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มี.. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันที่ 31 .. 2564 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน .. 2548 (ฉบับที่ 20) ได้มีข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลาย เพื่อป้องกันและยับยั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ได้ทันท่วงที

นายกิตติพันธ์ กล่าวต่ออีกว่า การประออกประกาศดังกล่าวข้างต้นนั้น เพื่อให้หน่วยงานที่ให้บริการระบบขนส่งทางรางทุกระบบดำเนินการ ประกอบด้วย 1.แนวทางปฏิบัติ/มาตรการป้องกัน ให้เพิ่มความเข้มงวดสูงสุดในการกำกับและถือปฏิบัติมาตรการป้องกันแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ตามประกาศกรมการขนส่งทางรางได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ โดยขอความร่วมมือในการดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้

  • ตั้งจุดสกัดหรือจุดคัดกรองผู้โดยสาร โดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ตามมาตรการที่ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กำหนด และต้องไม่เป็นการก่อความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุ และประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือให้ประชาชนงดหรือชะลอการเดินทางที่ไม่มีเหตุจำเป็น โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่อาจทำให้เสี่ยงหรือมีโอกาสติดโรค
  • บริหารจัดการไม่ให้เกิดความหนาแน่นแออัดของผู้โดยสารภายในขบวนรถและภายในสถานี เพื่อให้ปฏิบัติมาตรการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลได้อย่างเคร่งครัด โดยให้มีการปฏิบัติมาตรการตามความเหมาะสม เช่นการดำเนินมาตรการ Group Release ภายในสถานี และการเพิ่มขบวนรถเสริมหรือเพิ่มความถี่การบริการในช่วงเวลาเร่งด่วน เป็นต้น
  • กำกับดูแล ตรวจติดตาม และขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค ได้แก่ การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล (D-Distancing) สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย และงดสนทนาขณะใช้บริการระบบขนส่งทางราง (M -Mask Wearing) ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง เมื่อเข้าและออกจากระบบ (H-Hand Washing) ตรวจวัดอุณหภูมิร่างการที่จุดคัดกรอง (T-Testing) และใช้แอปพลิเคชันไทยชนะ (T-Thaichana) เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค
  • ขอความร่วมมือในการจำกัดการบริการเดินรถ โดยให้มีเส้นทางการบริการ ขบวน หรือความถี่เท่าที่จำเป็น ในช่วงเวลา 23.00 . ถึง 04.00 . ของวันรุ่นขึ้น เพื่อสนับสนุนให้เกิดการชะลอหรืองดการเดินทางที่ไม่มีเหตุจำเป็นโดยเฉพาะการเดินทางเข้าไป ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด ตามมาตรการที่ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19กำหนด


2.
แนวทางปฏิบัติเมื่อพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ดำเนินการ
ดังนี้

  • แจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคในพื้นที่ภายใน 3 ชั่วโมงนับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อฯ เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนโรคและเข้ารับการรักษาทางการแพทย์หรือมาตรการด้านสาธารณสุขต่อไปโดยด่วน
  • หยุดกิจกรรมหรือการให้บริการพื้นที่/อาคาร/สถานี ที่พบผู้ติดเชื้อฯ เพื่อทำความสะอาดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในพื้นที่และจุดสัมผัสร่วม เช่น ราวจับ ราวบันได มือจับ ลูกบิดประตู ลิฟต์ และห้องน้ำ เป็นต้น
  • ผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น ผู้ร่วมงาน พบปะ หรือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อฯ ให้ดำเนินการตามมาตรการกักตนเอง (Self-Quarantine) ทันทีเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน และไปพบแพทย์หรือสาธารณสุขพื้นที่ เพื่อทำการตรวจรักษา และสามารถกลับมาปฏิบัติงานตามปกติเมื่อกักตัวครบ 14 วัน โดยต้องมีผลการตรวจหาเชื้อฯ เป็นลบ
  • ให้มีการจัดกลุ่มผู้ปฏิบัติงานเป็นกลุ่ม รอบ หรือกะ ที่มี Timeline ไม่เชื่อมโยงกัน เพื่อสามารถสลับสับเปลี่ยนกลุ่มผู้ปฏิบัติงานทั้งกลุ่มทดแทนกันได้หากเกิดกรณีพบผู้ติดเชื้อฯ และต้องมีการกักตนเอง (Self-Quarantine) เพื่อลดผลกระทบต่อประสิทธิภาพการให้บริการระบบขนส่งทางราง
  • รายงานกรมการขนส่งทางรางทราบภายใน 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อฯ เพื่อรวบรวมรายงานกระทรวงคมนาคมต่อไป