‘ชาวสวนยาง’ เตรียมเฮ! ‘คมนาคม’ วางเป้า 3 ปี ใช้ยางพารา 3.36 แสนตัน เดินหน้า ‘แผ่นยางหุ้มแบริเออร์’ ยันปลอดภัย-ประหยัดงบประมาณ

“ศักดิ์สยาม” กางแผนใช้ยางพาราในโปรเจ็กต์คมนาคม ขนเงินช่วยเกษตรกรกว่า 74% วางเป้า 3 ปี ทล.-ทช. ใช้ยาง 3.36 แสนตัน ยัน! “แผ่นยางพาราหุ้มเออร์” ถูกกว่ารูปแบบอื่น-ช่วยเพิ่มความปลอดภัย จ่อถกร่วม ก.เกษตรภายใน 2 สัปดาห์นี้

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงการนำยางพารามาใช้ในภารกิจของกระทรวงคมนาคม และเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำแผ่นยางพาราหุ้มแบริเออร์ ภายหลังได้รับผลการทดสอบการรับแรงกระแทกของแผ่นยางพาราหุ้มแบริเออร์คอนกรีต (Rubber Fender Barrier) จากสถาบัน KATRI (Korea Automobile Testing & Research Institute) สาธารณรัฐเกาหลีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ ผลการทดสอบดังกล่าวนั้น เป็นที่น่าพอใจ โดยพบว่า แบริเออร์แบบเดิมที่มีความสูง 90 เซนติเมตร (ซม.) ทำมุม 20 องศา จะสามารถรับแรงปะทะความเร็วของรถได้ 90 กิโลเมตร (กม.)/ชั่วโมง (ชม.) ขณะที่เมื่อนำยางพารามาแปรรูปเป็นแผ่นยางพาราหุ้มแบริเออร์คอนกรีต ตามผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มข.) นั้น สามารถรับแรงปะทะได้เพิ่มขึ้น 30% หรือรถใช้ความเร็ว 120-130 กม./ชม. เมื่อปะทะแล้วจะไม่เกิดการพลิกคว่ำ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้นัดหารือร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ภายใน 2 สัปดาห์นี้ เพื่อรับทราบถึงปริมาณที่กระทรวงคมนาคมจะรับยางพาราไปแปรรูป ก่อนที่จะเสนอของบประมาณต่อไป

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า สำหรับถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง (ทล.) นั้น มีจำนวน 52,085.745 กม. โดยในช่วงระยะเวลา 3 ปี (2563-2565) มีแผนที่จะใช้แผ่นยางพาราหุ้มแบริเออร์คอนกรีตบริเวณเกาะสี รวม 1,029.70 กม. ในส่วนของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) นั้น มีถนนในความรับผิดชอบ จำนวน 48,597.753 กม. โดยในช่วงระยะเวลา 3 ปี (2563-2565) มีแผนที่จะใช้แผ่นยางพาราหุ้มแบริเออร์คอนกรีต รวม 749.035 กม. แบ่งเป็น เกาะสี 209.10 กม., เกาะหลุม (ร่องน้ำ) 78.93 กม., เกาะยก 369.414 กม., เกาะแบริเออร์เดิม 72.277 กม. และที่จะก่อสร้างใหม่ 19.281 กม.

ขณะที่ ต้นทุนในการก่อสร้างนั้น 1 เมตร จะอยู่ที่ราคาไม่เกิน 7,000 บาท แบ่งเป็น แบริเออร์คอนกรีตเดิมประมาณ 3,000 กว่าบาท และแผ่นยางพาราหุ้มแบริเออร์ประมาณ 3,344 บาท (ยางพาราแผ่นรมควันชั้น 3 ราคากิโลกรัม (กก.) ละ 35-40 บาท) ซึ่งขึ้นอยู่กับราคายางด้วย กล่าวคือ กรณียางพาราแผ่น 55-60 บาท/กก. ต้นทุนแผ่นยางพาราหุ้มแบริเออร์จะอยู่ที่ประมาณ 3,995 บาท

ทั้งนี้ ในราคาดังกล่าวนั้น หากราคายางอยู่ที่ 35-40 บาท/กก. เงินจะถึงเกษตรกร 2,167.22 บาท/ 1 เมตร หรือคิดเป็น 69% และถ้าราคายางอยู่ที่ 55-60 บาท/กก. เงินจะถึงเกษตรกร 2,775.69 บาท/ 1 เมตร หรือคิดเป็น 74% ซึ่งถือว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการปรับใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพ ทั้งยังเป็นการสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนด้วย จากเดิมในอดีตที่นำยางพารามาใช้ในการปูพื้นทาง โดยมีราคาอยู่ที่ 80 บาท/ตารางเมตร (ตร.ม.) แต่เงินถึงเกษตรกรเพียง 13 บาทเท่านั้น หรือไม่ถึง 20% อย่างไรก็ตาม นอกจากการนำยางพารามาใช้ทำแผ่นยางพาราหุ้มแบริเออนั้น ยังมีแนวคิดที่จะนำมาทำเสาหลักถนนด้วย

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า เมื่อพิจารณาเป้าหมายการดำเนินการทั้งหมดของถนน ทล. และ ทช. แล้วนั้น จะต้องนำยางพารามาใช้ในถนนจำนวน 12,306.925 กม. (3 ปี) โดย 1 เมตร ใช้จะต้องใช้น้ำยางพารา 28 กก. โดย 1 กม. จะต้องใช้รวม 28 ตัน ระยะเวลา 3 ปี รวมใช้ยาง 336,000 ตัน ซึ่งใช้มากกว่าปริมาณยางในการนำไปก่อสร้างผิวทาง นอกจากนี้ ยังใช้งบประมาณถูกกว่าการก่อสร้างแบบริเออร์ประเภทอื่นๆ ด้วย คือ จากข้อมูลของ ทล. ระบุว่า การก่อสร้างเกาะถนนประเภทอื่นจะมีต้นทุนอยู่ที่ 10,000 บาท/1 เมตร หรือ 10 ล้านบาท/กม. แต่แผ่นยางพาราหุ้มแบริเออใช้งบประมาณเพียง 7 ล้านบาท/กม. ซึ่งจะประหยัดได้ถึง 30%