‘ศักดิ์สยาม’ สั่ง รฟท.รอบคอบก่อนลงนามไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน ฟาก ‘โฮปเวลล์’ เชื่อรื้อฟื้นคดีได้

“ศักดิ์สยาม” สั่ง รฟท. ดูรายละเอียดรอบคอบก่อนลงนามสัญญาไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน 15 ต.ค.นี้ พร้อมเผยซีพีรับหนังสือเชิญลงนามแล้ว ฟากคดีโฮปเวลล์ ลุยยื่นอุทธรณ์ เชื่อรื้อฟื้นคดีได้ พ่วงเร่งเจรจา-เสนอ ครม.หาแหล่งเงิน หากศาลฯ ไม่รับเรื่อง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) มูลค่า 2.2 แสนล้านบาทว่า ภายหลังที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รายงานความคืบหน้าโครงการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือบอร์ด EEC ไปแล้วเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น ได้สั่งการให้ รฟท. ไปสรุปรายละเอียดว่า นับจากวันนี้จนถึงวันที่ 15 ต.ค. 2562 จะต้องดำเนินการในส่วนใดอีกบ้างภายใต้ข้อเสนอการร่วมลงทุน (Request For Proposal หรือ RFP) เพื่อให้วันที่ 15 ต.ค.นี้ หรือวันที่กำหนดลงนามสัญญาโครงการฯ ระหว่าง รฟท. กับกิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่ม CPH) จะได้ดำเนินการได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์

“รฟท.ต้องกลับไปดูกระบวนการตามขั้นตอนต่างๆ ก่อนที่จะถึงวันลงนาม เพราะมีระเบียบอยู่ ถ้ายังไม่ทำตรงไหน ก็ให้ไปทำ เพื่อให้วันที่ 15 ต.ค.นี้ จะได้ลงนามได้อย่างถูกต้อง และล่าสุดได้รับรายงานมาว่า รฟท.ได้ส่งร่างสัญญาเชิญซีพีมาลงนาม และซีพีได้รับไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2562 เวลา 11.00 น.” นายศักดิ์สยาม กล่าว

ขณะที่ความคืบหน้ากรณีโฮปเวลล์นั้น นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ในขณะนี้อยู่ระหว่างการรอคำวินิจฉัยของศาล ภายหลังได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยในระหว่างนี้ ได้สั่งการให้ รฟท. และคณะทำงานไปเจรจากับบริษัท โฮปเวลล์ที่ รฟท. จะต้องจ่ายค่าชดเชยกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ก่อนที่จะทำเรื่องเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาหาแหล่งเงินที่จะนำมาจ่าย กรณีที่ศาลปกครองสูงสุดไม่รับอุทธรณ์ และจะครบกำหนดในวันที่ 19 ต.ค.นี้ แต่อย่างไรก็ตาม ตนยังเชื่อว่าหลักฐานใหม่ที่ยื่นไปนั้น จะสามารถรื้อคดีได้

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ก่อนหน้านี้ นายศักดิ์สยาม ได้เชิญอัยการสูงสุดมาร่วมหารือหาแนวทางในการสู้คดีให้ถึงที่สุด โดยเฉพาะในประเด็นของการทุจริต พร้อมกล่าวว่า หากพบว่าโครงการดังกล่าวมีประเด็นการทุจริตนั้น จะดำเนินการยื่นฟ้องตัวบุคคลต่อศาลฎีกา เช่นเดียวกันกับ คดีค่าโง่ทางด่วนบูรพาวิถี และค่าโง่คลองด่านในอดีต อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาแล้วว่า ไม่มีการทุจริต ก็จะเดินหน้าปฏิบัติตามคำสั่งของศาลต่อไป