“ศักดิ์สยาม” ลั่น 16 ส.ค.นี้ เรียก ทล. แจงแผนสร้างยกระดับ สายธนบุรี-ปากท่อ หาแนวทางดำเนินการ ไม่ให้ส่งผลกระทบการจราจรและประชาชน ด้าน “ชยธรรม์” ประธานคณะทำงาน เผยเล็งผุดแอพพลิเคชั่นรายงานสภาพจราจรเรียลไทม์แก้ปัญหารถติดพระราม 2
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 16 ส.ค.นี้ ตนได้เรียก ทล. มาชี้แจงแผนดำเนินการก่อสร้างโครงการทางยกระดับบนทางหลวง 35 สายธนบุรี-ปากท่อ (ถนนพระราม 2) ช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 10.8 กม. วงเงิน 10,500 ล้านบาท เพื่อพิจารณาแนวทางการก่อสร้างว่าจะดำเนินการอย่างไร ไม่ให้ส่งผลกระทบกับการจราจรและประชาชน ขณะที่ภายหลังการแต่งตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนพระราม 2 นั้น ได้รับรายงานว่า จะมีการประชุมอีก 1 ครั้ง ก่อนได้ข้อสรุปถึงรูปแบบที่จะทำให้การจราจรไม่ติดขัด และเร็วขึ้น
ด้านนายชยธรรม์ พรหมศร รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานศึกษาแก้ไขปัญหาสภาพถนนพระราม 2 ที่เกิดจากโครงการปรั
ดังนั้น จึงต้องหาทางนำข้อมูลดังกล่าวมาบูรณาการเพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบนำไปสู่วิธีวางแผนเดินทางที่เหมาะสมสำหรับผู้ขับขี่ สำหรับคน 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.คนที่สัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าว 2.กลุ่มผู้อยู่อาศัยในบริเวณนั้น เพราะปัญหาไม่ใช่เฉพาะในเส้นทางดังกล่าวแต่ยังมีปัญหาเส้นทางอื่นๆ ที่จะเกิดงานก่อสร้างตามมาอีกด้วย อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมจะพยายามหาวิธีการเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างน้อยที่สุด คาดว่าจะสรุปแนวทางทั้งหมดได้ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อนำเสนอนายศักดิ์สยามต่อไป
ขณะที่ นายมนตรี เดชาสกุลสม ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงที่ 13 (กรุงเทพ) กรมทางหลวง หรือ ทล. กล่าวว่า ในขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลแผนที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 เช่น การก่อสร้างทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 สายธานบุรี-ปากท่อ (ถนนพระราม 2) คาดว่าจะลงนามสัญญาไม่เกิน ก.ย. 2562 และโครงการอื่นๆ ที่มีแผนก่อสร้างในอนาคตในพื้นที่เดียวกัน ส่วนความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาจราจรบนถนนพระราม 2 นั้น ทางโครงการเร่งรัดการก่อสร้าง โดยเฉพาะช่วงที่มีปัญหาก่อนหน้านี้คือ ปากซอยพันท้ายนรสิงห์ ที่มีการขยายช่องจราจรทางคู่ขนานเพิ่มเติม เพื่อเข้าช่องทางหลัก และสามารถสัญจรไปขึ้นสะพานกลับรถได้ ซึ่งในส่วนนี้ได้ดำเนินงานวางท่อระบายน้ำเรียบร้อยแล้ว ฝั่ง ช่องทางคู่ขนานสามารถสัญจรได้ 2 ช่อง ส่วนช่องทางหลักสัญจรได้ 3 ช่อง รวมไปกลับ 10 ช่องจราจร ขณะเกียวกันเร่งดำเนินการสร้างคู่ขนานบริเวณช่วง กม.13 ให้แล้วเสร็จ จากเดิมมี 2 ช่อง จะเป็น 3 ช่องจราจร ตอนนี้ทำแล้วเสร็จ 2 ช่อง เหลือ 1 ช่อง จากนั้นจะสามารถเปิดให้บริการได้ทั้ง 3 ช่องต่อไป