“ไทยสมายล์” สู้ศึกโลว์คอสต์ โชว์กลยุทธ์ให้บริการบนเครื่อง Full Service

“ไทยสมายล์” สู้ศึกโลว์คอสต์ โชว์กลยุทธ์ให้บริการฟูลเซอร์วิส เดินหน้าพุ่งเป้า “จีน-อินเดีย” พร้อมกางแผนตารางบินฤดูหนาว 2561 ลุยปรับเมนูอาหารบนเครื่องใหม่ทั้งหมด ยกเครื่องวัสดุลดการใช้พลาสติก ดีเดย์ พ.ย.นี้ หวังช่วยรักษ์โลก-ลดต้นทุนด้านบริการลูกค้าภาพรวม 20-30% ขณะเดียวกันจ่อเปิด BYOD ภายในต้นปีหน้า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นักเดินทาง

นางเนตรนภางค์ ธีระวาส ประธานเจ้าหน้าที่สายการบริการลูกค้า สายการบินไทยสมายล์ เปิดเผยว่า ในปัจจุบันเส้นทางการบินไปยังประเทศอินเดียและประเทศจีนมีความต้องการในการเดินทางเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการแข่งขันสูง โดยสายการบินไทยสมายล์จึงได้มุ่งโฟกัสในเส้นทางดังกล่าว พร้อมทั้งพัฒนาการให้บริการ เพื่อเป็นรองรับการเติบโต และตอบโจทย์การเดินทางของผู้โดยสาร โดนเน้นกลยุทธ์การให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Service) โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริการบนเครื่องบิน (Inflight Service) เพื่อแข่งขันกับสายการบินต้นทุนต่ำ (Low cost Airlines) ที่จะเน้นในเรื่องของราคาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันสายการบินไทยสมาลย์มีอัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) เฉลี่ยอยู่ที่ 70-80% ทั้งนี้ ในปัจจุบันสายการบินไทยสมายล์ให้บริการเส้นทางภายในประเทศ 10 เส้นทาง และเส้นทางระหว่างประเทศ 18 เส้นทาง โดยในช่วงตารางบินฤดูหนาวนี้ (ต.ค. 2561 – มี.ค. 2562) สายการบินไทยสมายล์เตรียมเปิดให้บริการในเส้นทางกรุงเทพฯ-พุทธคยา (อินเดีย), กรุงเทพฯ-ฮ่องกง, ภูเก็ต-ฮ่องกง รวมถึงการเพิ่มความถี่ในเส้นทางกรุงเทพฯ-อุดรธานีด้วย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ในเส้นทางไปยังประเทศอินเดียของสายการบินไทยสมายล์ ที่ได้ปรับเปลี่ยนเมนูอาหารว่างอุ่นร้อนสำหรับมื้อเช้า (Hot Snack) และให้บริการระดับพรีเมี่ยมด้วยเมนูอาหารต้นตำรับจากเชฟผู้เชี่ยวชาญต้นตำรับ รวมทั้งการสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ใหม่จากกระดาษ ลดการใช้พลาสติก ทั้งยังช่วยประหยัดพื้นที่ ทำให้สายการบินสามารถลดต้นทุนในด้านการให้บริการภาพรวมได้ 20-30% โดยสายการบินไทยสมายล์จะประเมินผลในเส้นทางอินเดีย 3 เดือน เพื่อเดินหน้าขยายการพัฒนานี้ไปสู่เส้นทางบินระหว่างประเทศอื่นๆ ต่อไป อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการปรับเปลี่ยนดังกล่าวนั้น จะไม่กระทบต่อการให้บริการของสายการบินฯ

“สายการบินไทยสมายล์ยังตอบสนองกระแส Go Green คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่ทุกสายการบินให้ความสำคัญมากขึ้นในขณะนี้  จึงมุ่งปรับเปลี่ยนรูปแบบการเสิร์ฟอาหารบนเครื่องบิน โดยหันมาใช้บรรจุภัณฑ์จากกระดาษทดแทนภาชนะพลาสติกให้มากที่สุด ซึ่งไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ Packaging รูปแบบใหม่ โดยเมื่อโหลดขึ้นเครื่องจะมีลักษณะเป็นกล่องแต่เมื่อเสิร์ฟถึงมือผู้โดยสาร กล่องจะถูกคลี่ออกกลายเป็นถาด พร้อมกันนั้นยังเปลี่ยนวัสดุที่ใช้อุ่นอาหารจากอะลูมิเนียมฟอยล์ให้เป็นกระดาษชนิดพิเศษ และยังเปลี่ยนถุงพลาสติกทิ้งขยะบนเครื่องให้เป็นวัสดุย่อยสลายได้ทั้งหมดอีกด้วย” นางเนตรนภางค์ กล่าว

นางเนตรนภางค์ กล่าวต่ออีกว่า ตั้งแต่ พ.ย.นี้ เป็นต้นไป สายการบินไทยสมายล์จะปรับเมนูอาหารว่างอุ่นร้อนสำหรับมื้อเช้าใหม่ทั้งหมด และเปลี่ยนให้เป็นเมนูอาหารนานาชาติที่หลากหลาย โดยเริ่มปรับเปลี่ยนเมนูอาหารมื้อเช้า สำหรับเที่ยวบินก่อนเวลา 9.30 น. ที่จะให้บริการกับผู้โดยสาร ชั้น Smile Class (ชั้นประหยัด) บนเที่ยวบินภายในประเทศ ด้วยเมนูใหม่รวม 24 เมนู ทั้งสไตล์ญี่ปุ่น เกาหลี ตะวันตก และไทย รวมถึงการเพิ่มเติมเมนูอาหารสำหรับเส้นทางกรุงเทพฯ-นราธิวาส และ เชียงใหม่-ภูเก็ต อีก 22 เมนู ส่วนเส้นทางบินระหว่างประเทศในระยะทางสั้น เส้นทาง เสียมราฐ พนมเปญ หลวงพระบาง ย่างกุ้ง ได้ออกแบบเมนูอาหารใหม่ทั้งหมดรวม 22 เมนูด้วย

ขณะเดียวกัน ในการพัฒนาการให้บริการของสายการบินไทยสมายล์นั้น เตรียมเปิดให้บริการ BYOD (Bring Your OWn Device) หรือการนำอุปกรณ์ไอทีส่วนตัวมาใช้บนเครื่องบินในช่วงปลายปี 2561 หรือต้นปี 2562 ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบระบบ การพิจารณารายละเอียดต่างๆ รวมถึงเลือกเส้นทางที่จะให้บริการด้วย ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้โดยสารในระหว่างการเดินทาง โดยการให้บริการ BYOD ดังกล่าว สายการบินไทยสมายล์จะมีให้เลือกทั้งการดูหนัง ฟังเพลง รวมถึง e-book เท่านั้น ซึ่งจะไม่สามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ ได้