‘ศักดิ์สยาม’ จัดให้! ลงพื้นที่พระราม 2 ลุยแก้ปัญหาจราจรติดขัด

“ศักดิ์สยาม” ควงแขน “ถาวร” ลงพื้นที่ถนนพระราม 2  แก้ปัญหาจราจรติดหนัก หลังได้รับข้อร้องเรียนหนัก วอนรถบรรทุกขนาดใหญ่ไม่วิ่งในชั่วโมงเร่งด่วน หวั่นกระทบกับผู้ใช้ทางปกติ  เร่งคืนผิวจราจร ส.ค.นี้ พร้อมสั่งตั้งคณะทำงานร่วมภาคประชาชน ลั่น! ขยายพระราม 2 แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 63

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ถนนพระราม2 บริเวณหน้าวัดพันท้ายนรสิงห์ เพื่อรับฟังปัญหา หลังมีชาวบ้านร้องเรียนถึงความเดือดร้อนจากการก่อสร้างปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 35 ตอน ทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย เพื่อแก้ปัญหาจราจรให้ประชาชนเดินทางสะดวก

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า หลังรับฟังปัญหาทราบว่าโครงการปรับปรุงทางหลวงดังกล่าวเซ็นสัญญาปี 2561 เเละจะสิ้นสุดในปี 2563 โดยก่อนทำสัญญาบริเวณดังกล่าว มีรถไม่หนาเเน่นเท่าหลังทำสัญญา ทำให้เเผนงานคลาดเคลื่อน ทำให้ในขณะนี้ภาพรวมของการก่อสร้างเเล้วเสร็จเเค่ 38% ล่าช้ากว่าแผน 18% เนื่องจากต้องมีการเคลื่อนย้ายสาธารณูปโภค อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า กรมทางหลวง หรือ ทล. ไม่ได้นิ่งนอนใจ และจะเร่งให้แล้วเสร็จภายในปลายปี 2563

ในส่วนของสาเหตุปัญหาในพื้นที่ก่อสร้างนั้น พบว่าเป็นดินนิ่ม จึงจำเป็นต้องใช้ทรายถมเพื่อให้เเข็งเเรง โดยต้องใช้เวลาให้ดินเซ็ตตัวให้เเข็งเเรงประมาณ 180 วัน จึงอาจส่งผลต่อความล่าช้าในการทำทาง ทำให้เกิดรถติดหนัก โดยเฉพาะบริเวณหน้าวัดพันท้ายนรสิงห์ จึงมีเเนวทางในการแก้ปัญหา 2 แนวทาง ได้แก่ 1.บรรเทาความเดือดร้อนด้านจราจร คือ ผู้ว่าราชการฯ เเละเจ้าหน้าที่ตำรวจจะขอความร่วมมือบริษัทการขนส่งที่ใช้รถบรรทุกใหญ่ให้ออกเดินทางหลังช่วงเวลาเร่งด่วน เเละให้รถใหญ่ยูเทิร์นรถถัดไปอีก 1 กม.จากจุดเดิม ขณะที่เรื่องผิวจราจร ภายใน 2 สัปดาห์จะสามารถเลื่อนผิวจราจรจากจุดเดิมไปจุดถัดไปได้ เเละ 2.ปรับขั้นตอนการก่อสร้าง ไม่ให้เปิดหน้างานตรงกันต่อไปจะเปิดให้ห่างกันจะได้ไม่เกิดภาวะคอขวด รวมถึงให้ทำป้ายบอกทางจราจรให้ชัดเจน

ทั้งนี้ ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่าระยะทางเเค่ 11 กิโลเมตรทำไมต้องมีบริษัทรับเหมาถึง 3 บริษัทมองว่าเพื่อความรวดเร็วในการทำงาน ส่วนที่มีข้อร้องเรียนว่า 1 ใน 3 บริษัทเคยรับเหมาก่อสร้างในพื้นที่ เเต่ทำงานล่าช้าเเล้วยังได้รับอนุญาตให้มาก่อสร้างอีก เรื่องนี้ตนจะตรวจสอบเพิ่มเติม ขณะเดียวกันประชาชนในพื้นที่ได้ให้ข้อเสนอ ตั้งกรรมการทุกภาคส่วนเพื่อบูรณาการร่วมกัน ตนจึงได้มอบหมายให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อเร่งรัดการทำงาน ซึ่งในอนาคตในพื้นที่ดังกล่าว ทราบว่าจะมีการสร้างทางยกระดับเเละทางด่วนอีก จึงต้องติดตามเเละดูเเลงาน ซึ่งในสัปดาห์หน้าตนก็จะลงพื้นที่นี้อีกครั้ง ส่วนประเด็นการปรับเปลี่ยนเเบบการก่อสร้างหรือปรับขนาดผิวถนนจนทำให้เกิดการล่าช้านั้นมองว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

ด้านนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สหพันธ์ฯ พร้อมสมาชิก 10 สมาคม ได้รับผลกระทบจากการใช้เส้นทางถนนพระราม 2 เป็นอย่างมาก  ทำให้การเดินทางตรงจากกรุงเทพฯ มายังบริเวณซอยพันท้ายนรสิงห์ใช้เวลาในการเดินทางถึง 2 ชม. จากเดิม 45 นาทีเท่านั้น และหากต้องการเลี่ยงเส้นทางพระราม 2 โดยอ้อมไปใช้ถนนเพชรเกษม ทำให้ต้นทุนการขนส่งสูงขึ้น 700-800 บาท/เที่ยว/คัน โดยใน 1 วันจะมีรถบรรทุกใช้เส้นทางพระราม 2 ประมาณ 1,000 คัน จากรถทั้งหมดของสมาพันธ์ฯ 200,000 คัน หรือประมาณ 700,000 บาท/วัน และโดยเฉลี่ยแล้วจะทำให้ต้นทุนในส่วนของน้ำมันรถบรรทุกสูงขึ้น 20-30% ส่งผลให้ผู้ประกอบการขนส่งต้องปรับเพิ่มค่าจ้างกับผู้ว่าจ้าง เพื่อให้คุ้มค่าขนส่ง และผู้ว่าจ้างก็จะผลักภาระไปยังผู้บริโภคเป็นทอดๆ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าบางอย่างต้องสูงขึ้นตามต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้น 

“สมาพันธ์ฯ เห็นด้วยกับการปรับปรุงถนนดังกล่าวแต่ต้องทำอย่างอย่างมีแบบแผน บูรณาการกันทุกหน่วยงาน ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน เป็นหลัก ขณะที่การตั้งด่านของตำรวจก็ไม่ควรตั้งในเส้นทางนี้เพราะปกติก็ติดขัดอยู่แล้ว และหน่วยงานควรประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง” นายอภิชาติ กล่าว