กนอ.จัดงาน CG Day ปี’62 นำองค์กรโปร่งใส ปลอดคอรัปชั่นมุ่งสู่มาตรฐานสากล

กนอ.จัดงาน CG Day ประจำปี 2562 ภายใต้แนวคิด “กนอ. สร้างสรรค์ ทันสมัย โปร่งใส ไม่ทุจริต”ชวนผู้บริหาร พนักงาน กนอ.ทั่วประเทศ ประกาศความพร้อมร่วมผลักดันองค์กรด้วยหลักธรรมาภิบาล ต่อต้านคอรัปชั่นปฏิบัติตามกฎหมาย รับผิดชอบต่อสังคมอย่างเคร่งครัด มุ่งมั่นยกระดับขับเคลื่อนการบริหารจัดการสู่การเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจชั้นนำสู่มาตรฐานสากล
สำหรับคาร์แทรค ปัจจุบันถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งดูได้จากยอดการติดตั้งที่มีอัตราเพิ่มขึ้นถึง 350% ทั้งนี้เหตุผลที่ทำให้ลูกค้าเลือกใช้บริการกับคาร์แทรค นั่นคือ ความพอใจในการบริการ ซึ่งบริษัทจะทำการสอบถามถึงความต้องการของลูกค้าที่ต้องการติดตั้งจีพีเอส และบริษัทจะทำการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้านั้นไม่ว่าลูกค้าจะมีขนาดธุรกิจเล็ก กลาง หรือใหญ่ก็ตาม เพราะอุปกรณ์จีพีเอส บริษัทได้เป็นผู้ผลิตเองทั้งหมด รวมไปถึงซอฟต์แวร์ที่ได้พัฒนาขึ้นมาเองอีกด้วย ยกเว้นเพียงตัวเครื่องรูดบัตรเท่านั้น ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ของคาร์แทรคสามารถเชื่อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่อุปกรณ์เหล่านี้จะไม่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์จากที่อื่นได้ นอกจากนี้ after sale service ยังถือเป็นอีกหัวใจสำคัญที่ทำให้ลูกค้าใช้บริการคาร์แทรคอย่างต่อเนื่อง
อีกปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจของคาร์ แทรคประสบความสำเร็จนั่นคือ กรมการขนส่งบังคับรถโดยสาร-รถบรรทุกติดตั้งจีพีเอสทางบก โดยเมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 18 เดือนก่อน ยอดการติดตั้งจีพีเอสเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า ซึ่งลูกค้ากลุ่มหลักของคาร์แทรคจะเป็นในกลุ่มขนส่งโลจิสติกส์ คิดสัดส่วนอยู่ที่ 50% ขณะที่กลุ่มขนส่งวัสดุงานก่อสร้าง กลุ่มธุรกิจให้บริการขนส่งต่างๆ และกลุ่มรถเช่า มีสัดส่วนอยู่ที่ 50% สำหรับองค์กร และบริษัทที่มีความต้องการติดตั้งจีพีเอสเอง คิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 34% ในกลุ่มลูกค้าที่ทำการติดตั้งทั้งหมด การเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวด เร็วในตลอดระยะเวลา 5 ปีที่คาร์แทรค ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ได้มีการใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างจากคู่แข่งส่วนใหญ่ในตลาดด้วยกัน โดยคาร์แทรคได้มุ่งเน้นไปที่งานด้านบริการ และการมีโซลูชั่นที่หลากหลายเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า เพื่อเน้นการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก
สำหรับจุดเด่นของบริการจีพีเอส แทรคกิ้งของคาร์แทรค คือระบบติดตามรถเป็นแบบเรียลไทม์ เหมาะสำหรับรถบรรทุก รถขนส่งสินค้า โลจิสติกส์ รถขนส่งสาธารณะ รถเครน รถผสมปูนที่ใช้ในธุรกิจก่อสร้าง รถเทรเลอร์ รถเช่า แท็กซี ลิมูซีน ฯลฯ รวมไปถึงการบอกตำแหน่งรถส่วนบุคคล เพื่อให้ทราบถึงความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทั้งนี้ คาร์แทรค ยังมีทีมงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีบบครบวงจร ทั้งฮาร์ดแวร์ อุปกรณ์
จีพีเอส และซอฟท์แวร์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานได้อย่างง่ายดาย ซึ่งรองรับการใช้งาน ผ่านคอมพิวเตอร์ PC โน๊ตบุ๊ค แท็ปเลต อีกทั้งยังมี
แอพพลิเคชั่น รองรับการใช้งาน ผ่านสมาร์ทโฟน ทั้ง IOS , Android รวมถึงการพัฒนาระบบคลาวด์เองเพื่อดูแลยานพาหนะทุกคันในระบบของคาร์แทรค
ดังนั้นลักษณะของระบบจีพีเอสคาร์แทรคจะมีการส่งข้อมูลในทุกพฤติกรรมการขับขี่ให้กับลูกค้าเมื่อพฤติกรรมการขับขี่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ความเร็วเปลี่ยน มีการเลี้ยว การเบรก การเข้าโค้ง ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องส่งในทุก 1 นาที แต่จะทำการส่งทุกครั้งที่ผู้ขับมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ความถี่ในการรับรู้ข้อมูลของลูกค้ามีเป็นจำนวนมาก และสามารถติดตามการขับขี่ได้อย่างเรียลไทม์ที่สุด เพื่อให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการยานพาหนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ ยังได้มีการให้บริการติตั้งจีพีเอสแทรคกิ้งของคาร์แทรคในรถยนต์ส่วนบุคคลอีกด้วย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 9-10% จากจำนวนลูกค้าทั้งหมด โดยกลยุทธ์ที่ใช้ผ่าน
Online Marketing เป็นหลัก เนื่องจากสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายและจำนวนมาก
นายโจเซฟ กล่าวต่อว่า ปีนี้คาร์แทรคได้ทำการเปิดตัว ฟีเจอร์ใหม่ เรียกว่า คอมมูนิเคเตอร์ (Communicator) ซึ่งจะช่วยให้ black office หรือระบบงานหลังบ้านของบริษัทหรือองค์กรนั้น สามารถบริหารจัดการได้ ไม่ว่าจะเป็น การติดต่อสื่อสารกับพนักงานขับรถผ่านทางระบบ จีพีเอสของคาร์แทรค รวมไปถึงการพัฒนาโปรแกรม ที่เรียกว่า “CRM” ขึ้น เพื่อใช้ในบริษัท ซึ่งคาดว่าในอีก 2 เดือน จะเปิดให้บริการ หลังจากที่คาร์แทรคได้ทดลองใช้แล้ว และรับรู้ถึงประสิทธิภาพซึ่งระบบทั้ง 2 อย่างนั้นเป็นระบบที่เชื่อมต่อกับ จีพีเอส ได้ทั้งหมด โดยจะมุ่งเน้นไปในเรื่อง Fleet Management การบริหารจัดการยานยนต์
สำหรับ CRM จะเป็นระบบการเก็บฐานข้อมูลทั้งหมดภายในองค์กร เพื่อใช้บริหารจัดการ อาทิ ข้อมูลจากทีมฝ่ายขาย ฐานข้อมูลลูกค้า ข้อมูลด้านบัญชี เป็นต้น โดยพนักงานในองค์กรสามารถใช้ได้ ตั้งแต่ผู้บริหารเพื่อตรวจสอบจำนวนลูกค้า และพนักงานที่เข้าไปดูแลลูกค้า รวมไปถึงระบบการเงินการบัญชี และในส่วนของ operation ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ นายโจเซฟ เชื่อว่ารูปแบบการให้บริการลักษณะนี้ยังไม่มีบริการในไทย เพราะตัวโปรแกรมดังกล่าวได้ถูกพัฒนาขึ้นจากคาร์แทรค ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่จะเน้นไปยังกลุ่มลูกค้าขนส่งเท่านั้น และล่าสุดกับการขยายไปยังกลุ่มบริษัทที่ทำงานด้านบริหารจัดการให้กับลูกค้าเพิ่มเติม โดยไม่จำเป็นต้องมีฟลีท รถยนต์ แต่มีพนักงานในจำนวนมาก
สำหรับปีนี้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของธุรกิจไว้ที่ประมาณ 120% และในอีก 3 ปีข้างหน้าตั้งเป้าการเติบโตเฉลี่ย 100% ต่อปี ซึ่งการเติบโตนั้นมาจากปัจจัยการมีโซลูชั่นให้ลูกค้าเลือกใช้บริการอย่างหลากหลาย โดยที่ลูกค้าไม่ต้องทำการซื้อขาย แต่สามารถเช่าใช้ได้ โดยสัญญาขั้นต่ำเป็นเวลา 3 ปี พร้อมกับบริการหลังการขายอย่างดีเยี่ยม