กทพ. ผนึกกำลัง 4 หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ลงนาม MOU ศึกษาความเหมาะสม ”โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย“ บูรณาการคมนาคม–สาธารณูปโภค หนุนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเติบโตอย่างยั่งยืน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือการดำเนินโครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย เพื่อรองรับระบบสาธารณูปโภคของหน่วยงานสาธารณูปโภค ระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจในวันนี้ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐในการบูรณาการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะโครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย ซึ่งมีศักยภาพในการเป็นโครงข่ายหลักด้านคมนาคมควบคู่กับการรองรับระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต การท่องเที่ยว และการพัฒนาพื้นที่ในระยะยาว

ทั้งนี้ ความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ เป็น จุดเริ่มต้นของการศึกษาความเหมาะสมของโครงการในทุกมิติอย่างรอบด้านทั้งด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และผลกระทบต่อชุมชน โดยให้ความสำคัญกับความรอบคอบ โปร่งใส และสอดคล้องกับบริบทของพื้นที่อย่างแท้จริง โดยกระบวนการศึกษาจะให้ความสำคัญกับ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรอบด้าน ควบคู่กับการพิจารณาการเชื่อมโยงระบบคมนาคมรูปแบบอื่น โดยเฉพาะสนามบินสุราษฎร์ธานีและสนามบินนครศรีธรรมราช ซึ่งมีศักยภาพรองรับการเดินทางและการท่องเที่ยวในอนาคต รวมถึงการวางแผนรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวและการจัดการความแออัดบนเกาะสมุยอย่างเป็นระบบ โดยโครงการดังกล่าวจะช่วยกระจายรายได้และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับพื้นที่โดยรอบ อาทิ อำเภอขนอมและอำเภอสิชล โดยย้ำว่ารัฐบาลจะเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้วยความรับผิดชอบ ไม่เร่งรัด สร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและยั่งยืนต่อประชาชนในระยะยาว
ด้านนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. กล่าวว่า โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุยมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยยกระดับความมั่นคงด้านคมนาคม ความปลอดภัยสาธารณะ และคุณภาพชีวิตของประชาชน ปัจจุบันการเดินทางเข้า–ออกเกาะสมุยมีข้อจำกัดและเปราะบางต่อสภาพอากาศ ส่งผลต่อประชาชน การท่องเที่ยว และการรับมือเหตุฉุกเฉิน โครงการนี้จึงไม่ใช่เพียงสะพานคมนาคม แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานร่วมสำหรับวางระบบน้ำประปา ไฟฟ้า และโทรคมนาคมอย่างครบวงจร การลงนาม MOU ระหว่าง 4 หน่วยงาน เป็นจุดเริ่มต้นของการบูรณาการแผนงาน เพื่อลดการลงทุนซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพ การให้บริการมุ่งผลักดันให้โครงการเกิดขึ้นจริง เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการพัฒนาเกาะสมุยอย่างยั่งยืน

ขณะที่ นายมงคล ตรีกิจจานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า การลงนาม MOU โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความมั่นคงของระบบสาธารณูปโภค โดยเฉพาะด้านพลังงานไฟฟ้า ซึ่งที่ผ่านมาเกาะสมุยเคยประสบปัญหาไฟฟ้าดับจากความเสียหายของระบบสายส่งใต้น้ำ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงและซ่อมบำรุงได้ยากโครงการนี้จะเปิดโอกาสให้สามารถวางระบบสายส่งไฟฟ้าหลักบนโครงสร้างสะพานทางพิเศษที่มีความปลอดภัยและเสถียรมากขึ้น ช่วยลดการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการสาธารณูปโภคอย่างเป็นระบบ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคพร้อมสนับสนุนระบบไฟฟ้าที่มั่นคง
นายจักรพงศ์ คำจันทร์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค กล่าวว่า โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย เป็นการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศร่วมกัน เกาะสมุยเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวสำคัญ แต่ยังเผชิญข้อจำกัดด้านทรัพยากรน้ำมาอย่างต่อเนื่อง โครงการดังกล่าวจะเอื้อให้สามารถวางระบบท่อ ส่งน้ำประปาขนาดใหญ่ผ่านโครงสร้างทางพิเศษได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนและเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน การประปาส่วนภูมิภาคพร้อมสนับสนุนการพัฒนาระบบน้ำที่มั่นคง และรองรับการเติบโตของเกาะสมุยในอนาคต

ด้านพันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เกาะสมุยเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่จำเป็นต้องมีระบบสื่อสารโทรคมนาคมที่มีเสถียรภาพและทันสมัย ปัจจุบันบางพื้นที่ยังประสบปัญหาสัญญาณไม่เสถียรจากข้อจำกัดของโครงสร้างพื้นฐานเดิมและปริมาณ การใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุยจะเอื้อให้ NT สามารถวางโครงข่ายสื่อสารความเร็วสูงบนโครงสร้างสะพานที่มีความมั่นคงและปลอดภัย รองรับเทคโนโลยีอนาคต อาทิ 5G, Smart City, Smart Tourism และบริการดิจิทัลต่าง ๆ NT พร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับระบบสื่อสารของเกาะสมุยให้มีความเสถียร ทันสมัยและรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
สำหรับการลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมของ 4 หน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ ในการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม พลังงาน น้ำประปา และโทรคมนาคม ให้สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บนโครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย ซึ่งไม่เพียงช่วยลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนของประเทศ แต่ยังยกระดับความมั่นคงของระบบสาธารณูปโภค รองรับการเติบโตด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนให้แก่ประชาชนบนเกาะสมุยและพื้นที่ใกล้เคียง