ทล. ทุ่มงบ 1.85 พันล้าน สร้างถนน ทล.41 ‘ไชยา-บ้านนาเดิม’ @สุราษฎร์ฯ ปลื้ม! เสร็จก่อนกำหนด 6 เดือน มอบรางวัลโปรเจกต์ก่อสร้างดีเด่นปี 68

”กรมทางหลวง“ เปิดใช้ทางหลวงหมายเลข 41 “ไชยา-บ้านนาเดิม” @สุราษฎร์ธานี ปลื้ม! เสร็จก่อนกำหนด 6 เดือน หนุนการขนส่งสินค้า-บรรเทาการจราจร ยกระดับการเดินทาง พร้อมคว้ารางวัล “โครงการก่อสร้างดีเด่นประจำปี 2568”

นายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า สำนักก่อสร้างทางที่ 1 ได้ดำเนินการโครงการก่อสร้างและบูรณะผิวทางหลวงหมายเลข 41 สาย อ.ไชยา – อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ระยะทางรวมประมาณ 41.5 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 1.85 พันล้านบาท โดยแล้วเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้วตั้งแต่เมื่อ ต.ค. 2568 ที่ผ่านมา เร็วกว่ากำหนดตามสัญญาถึง 6 เดือน

ทั้งนี้ ทางหลวงหมายเลข 41 สายสี่แยกปฐมพร – พัทลุง ถือเป็น “เส้นเลือดใหญ่” ทางเศรษฐกิจที่สำคัญยิ่ง โดยทำหน้าที่เชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งจากภาคกลางสู่ภาคใต้ตอนล่าง เป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าและพืชผลทางการเกษตร มีปริมาณจราจรสูง และมีรถบรรทุกขนาดใหญ่จำนวนมาก ทำให้มีความจำเป็นต้องบูรณะปรับปรุงอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการสัญจรของผู้ใช้เส้นทาง ลดปัญหาอุบัติเหตุ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยออกแบบเป็นผิวทางคอนกรีตชนิด Jointed Plain Concrete Pavement (JPCP) หนา 32 ซม. ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง อายุการใช้งานยาวนาน และมีต้นทุนบำรุงรักษาต่ำ

นายปิยพงษ์ กล่าวต่อว่า โครงการครอบคลุมช่วง อ.ไชยา – อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ระยะทางรวมประมาณ 41.5 กม. แบ่งการดำเนินการก่อสร้างออกเป็น 3 สัญญา เพื่อให้การบริหารงานก่อสร้างเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและแล้วเสร็จตามแผนโดยเร็ว โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 41 สาย อ.ไชยา – อ.บ้านนาเดิม ตอน 3 ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลจนโครงการแล้วเสร็จ ลดผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชน

ดังนั้น คณะกรรมการประเมินผลงานก่อสร้าง สำนักมาตรฐานและประเมินผล ทล. จึงมอบ “รางวัลโครงการก่อสร้างดีเด่นประจำปี 2568” ให้แก่โครงการดังกล่าว ตอกย้ำมาตรฐานงานก่อสร้างที่โดดเด่นทั้งด้านการบริหารจัดการและการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโครงการฯ ที่ยอดเยี่ยมนี้ เกิดจากการบริหารงานและวางแผนการทำงานร่วมกันระหว่าง สำนักก่อสร้างทางที่ 1 และแขวงทางหลวงสุราษฎร์ธานีที่ 1 รวมถึงบริษัทผู้รับจ้าง

สำหรับในปัจจุบันโครงการนี้ได้ดำเนินการแล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์ และเปิดให้ประชาชนสัญจรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โครงการฯ นี้ ได้ส่งมอบ ผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง โดยประชาชนจะได้รับความปลอดภัยสูงสุดในการเดินทางจากผิวทางที่เรียบได้มาตรฐาน พร้อมอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยที่สมบูรณ์ ทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เนื่องจากสามารถสัญจรไปมาได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ทั้งหมดนี้จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยวของภูมิภาค

ทล. จึงขอให้ความมั่นใจว่า ความสำเร็จอันเป็นแบบอย่างที่ดีของโครงการนี้ จะถูกใช้เป็นต้นแบบและแรงผลักดันสำคัญ เพื่อสร้างสรรค์โครงการอื่น ๆ ให้ได้มาตรฐานดีเด่นต่อไป ตามความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้ก้าวหน้าและสมบูรณ์ที่สุด” นายปิยพงษ์ กล่าว