ทล. เปิดเวทีฟังเสียงเอกชนร่วมลงทุน Rest Area มอเตอร์เวย์ M7 & M9 วางเป้าเปิดใช้บางส่วนภายในปี 69

“กรมทางหลวง” เปิดเวทีรับฟังเสียงภาคเอกชน ร่วมลงทุนการพัฒนาและบริหารจัดการที่พักริมทางบนมอเตอร์เวย์ 2 สาย “M7 & M9” จ่อเปิดประมูล-เปิดให้บริการบางส่วนภายในปี 69 พร้อมเตรียมชวนเอกชนร่วมลงทุนติดตั้งสถานีชาร์ทไฟฟ้า @จุดพักรถบรรทุกที่เปิดใช้งานแล้วกว่า 150 แห่ง

นายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า วันนี้ (17 พ.ย. 2568) ทล. ได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน (Market Sounding) สำหรับโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในการพัฒนาและบริหารจัดการที่พักริมทาง (Rest Area) บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 (M7) สายกรุงเทพฯ–ชลบุรี–มาบตาพุด และหมายเลข 9 (M9) สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันออก

ทั้งนี้ การจัดประชุมดังกล่าว เพื่อเผยแพร่ข้อมูลของโครงการและเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้แสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการพัฒนาและบริหารที่พักริมทางบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการของระบบทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสู่มาตรฐานสากล โดยในปัจจุบัน ทล.ได้เปิดให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานในเส้นทางดังกล่าว เช่น ห้องน้ำสะอาด ที่จอดรถ และพื้นที่พักผ่อนแล้ว และจะให้เอกชนจะเข้ามาดำเนินการพัฒนาพื้นที่พาณิชย์เพิ่มเติม ได้แก่ ร้านค้า ร้านอาหาร และร้านจำหน่ายเครื่องดื่ม เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้ทางได้อย่างครบวงจร

นายปิยพงษ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน โครงการอยู่ระหว่างการจัดทำรายงานศึกษาและวิเคราะห์โครงการ เพื่อเสนอขออนุมัติตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 เบื้องต้น ทล. จะประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมประกวดราคาได้ภายในปี 2569 และคาดว่า เมื่อลงนามสัญญา รวมทั้งออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (NTP) เอกชนจะสามารถเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ทันที โดยจะใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 1 ปี

ทั้งนี้ ขณะนี้ ยังไม่ได้สรุปว่าการประมูลจะแบ่งเป็นกี่สัญญา ซึ่งจะต้องรอผลศึกษาฯ ก่อน อย่างไรก็ตาม ภายหลังออก NTP ทล. ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายใน 90 วันหลังจากนั้น หรือประมาณปลายปี 2569 จะเริ่มให้บริการพื้นที่เชิงพาณิชย์ได้บางส่วน อาทิ ร้านค้า ตู้คีออส (kiosk) หรือ Food Truck จำหน่ายอาหาร และเครื่องดื่มบางส่วนก่อนได้ ซึ่ง ทล. ทำระบบน้ำ และระบบไฟเตรียมไว้แล้ว โดยคาดว่า จะสามารถเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ภายในปี 2570

นายปิยพงษ์ กล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าว ครอบคลุมการพัฒนาและบริหารจัดการที่พักริมทางขนาดเล็ก (Rest Stop) รวม 5 ตำแหน่ง ได้แก่ 1.มอเตอร์เวย์ M7 สายกรุงเทพฯ–ชลบุรี–มาบตาพุด ประกอบด้วย จุดพักรถลาดกระบัง (กม. 21) พื้นที่ประมาณ 10 ไร่, จุดพักรถหนองรี (กม. 72) พื้นที่ประมาณ 18 ไร่ และจุดพักรถมาบประชัน (กม. 118) พื้นที่ประมาณ 16 ไร่ ส่วนมอเตอร์เวย์ M9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันออก ประกอบด้วย จุดพักรถคลองหลวง (กม. 20) พื้นที่ประมาณ 5 ไร่ และจุดพักรถทับช้าง (กม. 49) พื้นที่ประมาณ 8 ไร่

ทั้งนี้ โครงการฯ มีกรอบระยะเวลาการร่วมลงทุนประมาณ 10–15 ปี แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 ช่วงการพัฒนาโครงการ กล่าวคือ ภาคเอกชนเป็นผู้จัดหาเงินทุน ออกแบบ พัฒนาพื้นที่พาณิชย์ และสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆ ภายใต้ข้อกำหนดของกรมทางหลวง ช่วงที่ 2 ช่วงดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ภาคเอกชนเป็นผู้บริหารจัดการ บำรุงรักษา และบูรณะโครงการ ให้เป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนด ภายใต้การกำกับดูแลของ ทล. โดยมีสิทธิรับรายได้จากโครงการ และจ่ายค่าตอบแทนให้ภาครัฐตามเงื่อนไขในสัญญาร่วมลงทุน

สำหรับการพัฒนา “ที่พักริมทาง” ถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญ เนื่องจากที่พักริมทางเป็นองค์ประกอบหลักของระบบทางหลวงพิเศษ ที่มีบทบาทเป็นจุดแวะพัก ที่ให้บริการแก่ผู้ใช้เส้นทางบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง โดยสามารถใช้เป็นสถานที่เพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ พักผ่อนระหว่างการเดินทาง การทำธุระส่วนตัว รวมถึงการใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์ช่วยป้องกันและลดอุบัติเหตุจากความเมื่อยล้าหรือหลับใน สนับสนุนเป้าหมายเรื่องการลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุและลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน ตลอดจนลดการเข้า–ออกจากระบบทางหลวงพิเศษโดยไม่จำเป็น ช่วยให้ผู้ใช้ทางประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

ทั้งนี้ นอกจากการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบริเวณจุดพักรถของมอเตอร์เวย์แล้ว ทล. ยังเตรียมที่จะเปิดให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนติดตั้งสถานีชาร์ทไฟฟ้า (EV Charging Station) บริเวณจุดพักรถบรรทุกที่เปิดใช้งานแล้วมากกว่า 150 แห่ง บนโครงข่ายทางหลวงแผ่นดินทั่วประเทศ ในรูปแบบ PPP เพื่อส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะจัดให้มีการประเมินความสนใจของภาคเอกชน (Market Sounding) เร็วๆ นี้

ขณะที่ภาพรวมของจุดพักรถ (Rest Stop) ในโครงข่ายทางหลวงทั่วประเทศ เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้ใช้เส้นทางนั้น โดยปัจจุบันมีจำนวนจุดพักรถรวมทั้งสิ้น 173 แห่ง ซึ่งในจำนวนนี้ 167 แห่ง ได้เปิดให้ประชาชนสามารถใช้บริการได้แล้ว ส่วนที่เหลืออีก 6 แห่ง อยู่ระหว่างกระบวนการดำเนินการก่อสร้าง เพื่อเพิ่มความสะดวกและยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนอย่างต่อเนื่อง