ทิศทาง ‘สหพันธ์ขนส่งฯ’ ขับเคลื่อน-อัพเกรด!! สิงห์รถบรรทุก

เปิดวิชั่น “อภิชาติ” ประธานสหพันธ์ขนส่งฯ เร่งเครื่องแก้ปัญหาการขนส่ง หวังเป็นที่ยอมรับในสังคม เดินหน้าสานต่อนโยบายเดิม ก้าวสู่การยกระดับโลจิสติกส์ประเทศ แนะผู้ประกอบการไทยรวมตัวเป็นหนึ่ง พร้อมวอนรัฐบาลใหม่ช่วยหนุนสู้ศึกต่างชาติ หลังโดนรุกคืบกว่า 70%

       นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรืองประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงแนวทางการดำ เนินงานของสหพันธ์ฯ ในอนาคตว่า ในฐานะที่ตนเข้ามารับตำแหน่งประธานสหพันธ์ขนส่งฯคนล่าสุดนั้น จะพัฒนาองค์กรให้เป็นที่ยอมรับกับหน่วยงานต่างๆ ทั่วไปรวมถึงแก้ไขปัญหาให้กับสมาคมต่างๆที่เป็นสมาชิกของสหพันธ์จำนวน 10 สมาคมส่งเสริมการทำประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง และพร้อมจะเดินหน้าสานต่องานที่นายทองอยู่ คงขันธ์ประธานสหพันธ์ฯ คนเก่าได้ดำเนินการมาไว้แล้ว เพื่อให้ลุล่วงตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ อาทิ โครงการ Eco Driver Saving Energy ในการพัฒนาผู้ขับขี่รถบรรทุกและรถโดยสารเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและความปลอดภัยในธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ที่ได้ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก กรมพัฒนาฝีมือ แรงงาน และสมาคมสหพันธ์การขนส่งทางบกไทย“การเข้ามารับตำแหน่งประธานสหพันธ์ขนส่งนั้น ต้องยอมรับว่าถือเป็นเผือกร้อนของวงการขนส่ง เพราะมีเรื่องที่ต้องแก้ไขปัญหาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ GPS ที่จะต้องหารือกับกรมการขนส่งทางบกอย่างบูรณาการ ในการเรียกผู้ประกอบการ GPS มารับผิดชอบหากเกิดปัญหา รวมถึงข้อกฎหมายต่างๆที่ถูกลิดรอนสิทธิ การเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่บางกลุ่ม ทั้งที่กลุ่มรถบรรทุกให้ความร่วมมือกับภาครัฐมาโดยตลอดเห็นได้อย่างชัดเจน คือ การหยุดวิ่งรถบรรทุกในช่วงเทศกาลต่างๆ นอกจากนี้ยังมีปัญหาของการตรวจด่านควันดำการบรรทุกนํ้าหนักเกิน การติดสติ๊กเกอร์รอบคันของรถบรรทุก เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้ ผมต้องเร่งเข้ามาแก้ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับสมาชิกให้มากที่สุด โดยหลังจากนี้ ผมจะไปพบปะกับผู้ประกอบการขนส่งทั่วประเทศ เพื่อบอกว่า การที่ผู้ประกอบการ สมาคมต่างๆ เข้ามาเป็นสมาชิกของสหพันธ์ฯ ถือเป็นสิ่งที่ดี” นายอภิชาติ กล่าว

นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายที่จะผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว คือ จากความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่นํ้าโขง (GMS) ของประเทศสมาชิก 6ประเทศ ได้แก่ จีนตอนใต้ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย โดยโควตาที่ให้ผู้ประกอบการรถบรรทุกสามารถวิ่งระหว่างประเทศได้นั้น ทางสหพันธ์ฯ ได้เตรียมการรองรับไว้แล้วในโควต้าได้รับการจัดสรรประมาณ 50 คัน เพื่อให้สามารถแข่งขันกับกลุ่มประเทศอาเซียนได้ เนื่องจากในปัจจุบัน ไทยมีผู้ประกอบการขนส่งระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากสามารถดำเนินการได้นั้น จะทำให้ภาคของการขนส่ง

สำหรับทิศทางการขนส่งในอนาคตนั้น คาดว่าจะมีการแข่งขันที่สูงมาก สืบเนื่องจากพฤติกรรมการสั่งซื้อสินค้าเปลี่ยนไปจากเดิม ส่งผลให้ภาคการขนส่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ประกอบการขนส่งของไทย จะต้องมีการปรับตัว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยเฉพาะเรื่องของ “เวลา” ที่จะต้องส่งสินค้าไปยังผู้รับภายใน 24-30ชั่วโมง ขณะเดียวกัน ปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการขนส่งจะต้องตระหนักถึงนั้นคือ การรวมตัวกันของผู้ประกอบการเป็นหนึ่งเดียว ไม่แข่งขันกันเอง ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุด เมื่อถามถึงความคาดหวังของสหพันธ์ฯ กับรัฐบาลใหม่ ที่จะเข้ามาบริหารประเทศในเร็ววันนี้นั้น นายอภิชาติ กล่าว  ว่า ในตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมานั้น ในหลายๆ เรื่องไม่สามารถจับต้องได้ และยังขาดการสนับสนุนจากรัฐบาล ตนเชื่อว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในครั้งนี้จะเข้ามาช่วยเหลือและแก้ปัญหาต่างๆ ของผู้ประกอบการขนส่งตามที่กล่าวในข้างต้น เพื่อยกระดับการขนส่งไทย ให้สามารถแข่งขันกับบริษัทขนส่งต่างชาติได้ที่ในขณะนี้บริษัทต่างชาติเข้ามาดำเนินการกว่า 60-70% แล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่าผู้ประกอบการขนส่งจะดำเนินการตามกฎหมายต่างๆ ที่บังคับไว้ แต่จะต้องได้รับการสนับสนุนในด้านของข้อมูลข่าวสาร และเทคโนโลยีต่างๆ จากรัฐบาลอย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ จะมีการหารือร่วมกับสมาชิกของสหพันธ์ เพื่อขอสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย

“ในบทบาทของสหพันธ์ฯ ถ้าสามารถขจัดปัญหาต่างๆ ได้ และทำให้ผู้ ระกอบการแฮปปี้ การขนสง่ ของไทยก็จะดีและเติบโต ในฐานะที่ผมเป็นประธานสหพันธ์ และมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว ผมจะเข้ามาสังคายนาวงการขนส่งของไทยให้เจริญรุ่งเรืองและเกิดประโยชน์กับทุกภาคส่วนเราเป็นคนไทย อยู่ในสหพันธ์ฯ เดียวกันต้องช่วยกัน” นายอภิชาติ กล่าว