รฟท.ปรับแบบทางคู่ ‘นครปฐม-หัวหิน’ เหตุพบระเบิดกลางแม่น้ำราชบุรี จ่อเก็บกู้-เล็งอพยพคน หลังความรุนแรงรัศมี 2 กม.

รฟท.สั่งปรับแบบรถไฟทางคู่ “นครปฐม-หัวหิน” ช่วงสะพานข้ามแม่น้ำใจกลางตัวเมืองราชบุรี จากต่อม่อกลางน้ำเป็นสะพานแขวนแห่งแรกของรถไฟ หลังพบระเบิดหลายจุดในแม่น้ำ จ่อถก 3 เหล่าทัพ 14 มิ.ย.นี้ เซ็ตทีมพร้อมจับมือทีมกู้อันดับ 1 ของโลก เล็งสั่งปิดเมือง-อพยพคน ประกาศพื้นที่เขตอันตราย รับมือกู้ระเบิดกลางเมืองราชบุรี 7 ลูก น้ำหนักรวม 2,800 กิโลกรัม ด้าน “วรวุฒิ” เชื่อทางคู่เฟส 2 ช่วงชุมพร-สงขลา จะพบระเบิดอีกหลายจุด

นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. เปิดเผยว่า การก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ระยะที่ 1 ช่วงนครปฐม-ชุมพรนั้น ในส่วนของช่วงนครปฐม-หัวหิน จะต้องมีการปรับแบบช่วงที่เป็นสะพานข้ามแม่น้ำในตัวเมืองราชบุรี หลังมีการสำรวจพบระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อายุมากกว่า 70 ปีหลายจุด โดยในช่วงที่ผ่านมาการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 รฟท.ได้สำรวจพบระเบิดอยู่ 2 จุด คือ ใต้แม่น้ำกลางตัวเมืองราชบุรี จำนวน 7 ลูก และใต้ดิน บริเวณสถานีเขาเต่า-วังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 1 ลูก

ทั้งนี้ ในส่วนของการปรับแบบนั้น จะเป็นสะพานแขวนที่ไม่มีเสาตอม่อในลำน้ำ ซึ่งถือว่าเป็นสะพานแขวนทางรถไฟแห่งแรกที่จะเกิดขึ้นในประเทศ และจะเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของเมืองราชบุรี คล้ายกับโมเดลของสะพานแขวนพระราม 9 ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพมหานคร ขณะเดียวกัน เชื่อมั่นว่าในการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ระยะที่ 2 ช่วง ชุมพร-สุราษฎร์ธานี-สงขลา จะค้นพบระเบิดอีกหลายจุดโดยเฉพาะในพื้นที่ตามแม่น้ำสำคัญหลายแห่ง ซึ่งเป็นการทิ้งระเบิดตอนที่กองทัพญี่ปุ่นล่าถอยในยุคสงครามโลก

ในส่วนของความคืบหน้าในการเก็บกู้ระเบิดทั้ง 7 ลูก ที่ จ.ราชบุรี นายวรวุฒิ กล่าวว่า จะต้องดำเนินการไปพร้อมกันในคราวเดียว ดังนั้น จึงต้องออกประกาศตามกฎหมายการปกครอง ด้วยคำสั่งปิดพื้นที่กลางใจเมืองราชบุรี เป็นพื้นที่อันตรายควบคุมความปลอดภัย ควบคู่ไปกับการเคลื่อนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่รัศมีแรงระเบิด หลังจากประชุมร่วมกันแล้วจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบและเตรียมตัวต่อไป เนื่องจาก รัศมีระเบิดดังกล่าว มีอานุภาพค่อนข้างรุนแรง หรืออยู่ที่ประมาณ 2 กม. ซึ่งในจุดดังกล่าว อยู่ในเขตชุมชนที่มีทั้งค่ายทหาร ตลาดกลางเมือง วัด โรงเรียน บ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการ ตลอดจนที่อยู่อาศัยของประชาชนด้วย

โดยในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะมีการประชุมสรุปแนวทางใน และถือเป็นครั้งแรกในประเทศที่หน่วยเก็บกู้ระเบิด (EOD) ของ 3 เหล่าทัพไทยคือ กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ จะเข้ามาร่วมกันศึกษาแนวทางเก็บกู้ระเบิดดังกล่าว ขณะเดียวจะเชิญนักเก็บกู้ระเบิดที่เก่งสุดในโลกจากประเทศเยอรมัน มาเข้าร่วมทีมเก็บกู้ในครั้งนี้ ด้วย เนื่องจากเป็นระเบิดที่อยู่ใต้น้ำ จึงต้องใช้เทคนิคสูงในการกู้

สำหรับแนวทางการกู้ระเบิดในเบื้องต้น มี 8 วิธี โดยเทคนิคที่เหมาะสมในตอนนี้ คือ การทำลายสภาพระเบิดใต้ลำน้ำ ซึ่งจะไม่มีการนำขึ้นมาบนบก คาดว่าจะเป็นรูปแบบ water jet ที่จะใช้แรงดันน้ำ ด้วยความแรงและความเร็วสูง โดยการตัดตัวระเบิดจากใต้น้ำ แยกส่วนหัวและส่วนท้ายที่มีสารเคมีออกจากกัน อย่างไรก็ตาม ระเบิดเป็นโมเดลที่จุดด้วยเคมี กล่าวคือ ระเบิดจะทำปฏิกิริยา เมื่อสารเคมีภายในไหลมารวมกันได้ โดยสารเคมีดังกล่าว จะคงสภาพตลอดไปอยู่ในระเบิด นับว่าเป็นการออกแบบระเบิดเทคนิคขั้นสูง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากในการเก็บกู้ เนื่องจากหากตัวระเบิดได้มีการขยับหรือเคลื่อนที่ แล้วสารเคมีภายในทำปฏิกริยาก็จะระเบิดทันที และจะเป็นการระเบิดทั้ง 7 ลูกในครั้งเดียวกัน

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า สำหรับระเบิดทั้ง 7 ลูกที่ค้นพบนั้น เบื้องต้นคาดว่า น่าจะเป็นระเบิดจีพีบอมบ์ หรือระเบิด AN-M65 ที่มีขนาดน้ำหนัก 1,000 ปอนด์ หรือ กว่า 400 กก.