‘เวียตเจ็ทไทยแลนด์’ จ่อรับเครื่องบินเพิ่ม 50 ลำ ครบในปี 71 ลุยเปิดรูทบินใหม่สู่เมืองยอดฮิต ตั้งธงโกยรายได้ 4 หมื่นล้านใน 4 ปีนี้
“เวียตเจ็ทไทยแลนด์” ตั้งเป้าปี 68 มีผู้โดยสาร 6.8 ล้านคน โกยรายได้ 1.5 หมื่นล้าน ตั้งธงทะลุ 4 หมื่นล้านใน 4-5 ปี เตรียมรับมอบเครื่องบินใหม่ โบอิ้ง 787-8 รวม 50 ลำ ทยอยรับมอบปีนี้ 9 ลำ ครบทั้งหมดในปี 71 เร่งหานักบินเพิ่ม เชื่อจะขาดแคลนใน 2 ปี พร้อมเปิด 6 รูทใหม่ยอดฮิตปีนี้ บินตรงสู่ ”เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น-อินเดีย“ จ่อเทคออฟ “กรุงเทพ-นครศรีฯ” กลาง ธ.ค.นี้ ส่วน “ภูเก็ต-เพิร์ธ” บินแน่ Q4/69
นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเวียตเจ็ทไทยแลนด์ เปิดเผยว่า ในปี 2568 สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ ตั้งเป้ามีปริมาณผู้โดยสารอยู่ที่ประมาณ 6.7-6.8 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นไม่มากนักเมื่อเทียบกับปี 2567 เช่นเดียวกับรายได้ คาดว่า จะอยู่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยในครึ่งปีแรก สานการบินมีรายได้แล้วกว่า 7.5 พันล้านบาท ทั้งนี้ สาเหตุที่ผลการดำเนินงานในปีนี้ ไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากยังไม่มีเครื่องบินใหม่เพิ่ม และเป็นปัญหาเดียวกันกับสายการบินอื่นๆ ทั่วโลก ประกอบกับนักท่องเที่ยวชาวจีนได้หายไปกว่า 30% ด้วย ส่วนอัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) ในปีนี้ จะไม่ต่ำกว่า 80%
ทั้งนี้ เวียตเจ็ทไทยแลนด์มีเครื่องบินแอร์บัสรวม 18 ลำ และปัจจุบันได้ทยอยคืนไปแล้ว 4 ลำ เหลือ 14 ลำ ขณะเดียวกัน ขณะนี้ สายการบินฯ อยู่ระหว่างขั้นตอนสุดท้าย เพื่อเตรียมรับมอบเครื่องใหม่ โบอิ้ง 737-8 เพิ่มอีก 50 ลำ โดยในปีนี้ จะรับมอบมจำนวน 9 ลำ ทยอยรับมอบ ต.ค. 2568 จำนวน 1 ลำ, พ.ย. 2568!จำนวน 4 ลำ และ ธ.ค. 2568 จำนวน 4 ลำ ซึ่งจะทำให้สิ้นปีนี้ สายการบินฯ จะมีจำนวนเครื่องบินรวม 23 ลำ เพื่อรองรับการเปิดเส้นทางการบินใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเชื่อมต่อเมืองหลัก–เมืองรองในไทยกับเมืองสำคัญทั่วเอเชีย อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย และเวียดนาม จากนั้น ในปี 2569 จะรับมอบเครื่องบินเพิ่มอีก 13 ลำ และรับมอบเครื่องบินใหม่ครบ 50 ลำ ภายในปี 2571
นายวรเนติ กล่าวต่อว่า การขยายฝูงบินครั้งนี้ไม่เพียงแต่รองรับความต้องการเดินทางที่เพิ่มขึ้น แต่ยังเป็นการยกระดับศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางการบินและการท่องเที่ยวในภูมิภาค โดยเวียตเจ็ทไทยแลนด์มีการเติบโตด้านธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่รายได้ ปริมาณผู้โดยสาร และเครือข่ายเส้นทางบินสะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นจากผู้โดยสารและคู่ค้า โดยมุ่งมั่นนำเสนอการเดินทางที่สะดวกสบาย ราคาคุ้มค่า และตรงเวลา นอกจากนี้ ประเมินว่า ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า เวียตเจ็ทไทยแลนด์ จะเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก และตั้งเป้าจะมีรายได้ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตขึ้นประมาณ 2.5-3 เท่า
ขณะเดียวกัน จากการทยอยรับมอบเครื่องบินใหม่เพิ่มมากขึ้น คาดการณ์ว่า ในอีก 2 ปีข้างหน้า จะเกิดปัญหาขาดแคลนนักบิน รวมถึงสายการบินอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะของเวียตเจ็ทไทยแลนด์ ที่ปัจจุบันมีนักบินอยู่ที่ประมาณ 180 คน (เครื่องบิน 1 ลำ มีนักบิน 10 คน) เชื่อว่า ในอีก 4 ปีข้างหน้า จะต้องหานักบินเพิ่มอีกประมาณ 320 คน ให้สอดคล้องกับแผนการรับมอบเครื่องบิน ซึ่งขณะนี้ เวียตเจ็ทไทยแลนด์ ได้ประสานงานร่วมกับ Bangkok Aviation Center (BAC) เพื่อจัดหานักบิน รวมถึงได้เปิดโอกาสให้ทั้งบัณฑิตจบใหม่ ผู้มีประสบการณ์ทำงาน รวมถึงผู้ที่มีความมุ่งมั่นในสายอาชีพด้านการบินได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรด้วย
ด้านนายปิ่นยศ พิบูลสงคราม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการพาณิชย์ กล่าวว่า ตลอดปีที่ผ่านมา เวียตเจ็ทไทยแลนด์สามารถสร้างการเติบโตของผู้โดยสารได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดแข็งด้านราคาที่เข้าถึงง่าย และตอบสนองความต้องการของนักเดินทางยุคใหม่ โดยในปีนี้ เวียตเจ็ทไทยแลนด์เตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่ 5 เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นทางกรุงเทพ (สุวรรณภูมิ)-โซล (อินชอน) เริ่ม 1 ต.ค. 2568, เส้นทางกรุงเทพ-โอซาก้า (คันไซ) เริ่ม 1 ธ.ค. 2568, เส้นทางกรุงเทพ-โตเกียว (นาริตะ) เริ่ม 15 ธ.ค. 2568, เส้นทางกรุงเทพ-โกลกาตา เริ่ม 16 พ.ย. 2568 และเส้นทางกรุงเทพ-อาเมดาบัด เริ่ม 4 ธ.ค. 2568
นอกจากนี้ เตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่ภายในประเทศ เส้นทางกรุงเทพ-นครศรีธรรมราช ในช่วงกลาง ธ.ค. นี้ และเตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่ เส้นทางภูเก็ต-เพิร์ธ (ออสเตรเลีย) ช่วงไตรมาส 4/2569 อย่างไรก็ตาม การเปิดเส้นทางบินใหม่นี้ จะได้ผลการตอบรับที่ดีจากผู้โดยสาร โดยเฉพาะเส้นทางสู่โซล สะท้อนจากยอดจองตั๋วโดยสารล่วงหน้า (Booking) ที่ในปัจจุบันมียอดจองตั้งแต่ ก.ค. 2568 ที่ผ่านมาแล้วกว่า 60-70% และมั่นใจว่าเมื่อเปิดทำการบิน จะมีผู้โดยสารเกิน 80% เช่นเดียวกับเส้นทางสู่นาริตะ และโอซาก้า จะมีผู้โดยสารไม่ต่ำกว่า 80% เนื่องจากเป็นเส้นทางยอดนิยมในการเดินทางช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season)
นายปิ่นยศ กล่าวอีกว่า เวียตเจ็ทไทยแลนด์ ยังเตรียมมอบประสบการณ์การบินที่น่าประทับใจด้วยการให้บริการด้านความบันเทิงบนเที่ยวบิน (In-Flight Entertainment) อีกทั้ง เดินหน้าพัฒนาความตรงต่อเวลาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันก้าวขึ้นสู่อันดับ 4 ของสายการบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความสำเร็จครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและการมอบบริการที่เป็นเลิศแก่ผู้โดยสาร