เช็คสถานะ! รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ส่อแววเลื่อนเปิดใช้ 1 ต.ค.นี้ หลังรอ กม. 3 ฉบับ

“มนพร” เผย ”รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย“ ส่อแววเลื่อนจาก 1 ต.ค. 68 ระบุต้องรอการพิจารณา พ.ร.บ. 3 ฉบับ-ออกกฎหมายลูก ชี้ “สายสีแดง-สีม่วง” อาจหยุดใช้นโยบาย 30 ก.ย.นี้ หลังมติ ครม. กำหนดให้ใช้ครบ 8 เส้นทางพร้อมกัน ด้าน “กฤษฎีกา” ตีตกแผนสำรองคมนาคม เสนอขอใช้ “งบกลาง” มาอุดหนุนชดเชยช่วงรอกฎหมาย ลั่น! ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ด้าน ”โฆษกคมนาคม“ แจงผู้สูงอายุรับสิทธิ์ได้ตามความเหมาะสม-คุ้มค่าต่อการเดินทาง ชี้หากค่าบริการไม่ถึง 20 บาท ยังเสียค่าบริการตามจริง

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่วันนี้ (25 ส.ค. 2568) ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ได้เปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์มาตรการค่ารถไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 20 บาท (20 บาทตลอดสาย) ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” นั้น จากข้อมูลของกรมการขนส่งทางราง (ขร.) ณ เวลา 14.30 น. พบว่า มีจำนวนผู้ลงทะเบียนสำเร็จ 116,347 คน แบ่งเป็น บัตร Rabbit จำนวน 95,377 ใบ และบัตร EMV จำนวน 30,056 ใบ

สำหรับในขณะนี้ กระทรวงคมนาคม ได้เร่งผลักดันพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) 3 ฉบับ เพื่อสนับสนุนมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ระยะที่ 2 ประกอบด้วย 1.ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางราง พ.ศ. …. ได้เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แล้ว ส่วน 2.ร่างพ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. (พ.ร.บ.ตั๋วร่วม) เนื่องจากพ.ร.บ.ตั๋วร่วม จะต้องจัดตั้ง “กองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม” ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการชดเชยส่วนต่างของรายได้ค่าโดยสารให้แก่ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าต่างๆ เพื่อให้สามารถเก็บค่าโดยสารในอัตรา 20 บาทตลอดสายได้จริง

และ 3.พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ.2543 (พ.ร.บ.รฟม.) โดยขณะนี้ ร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ส.ส.) ครบทุกมาตราแล้ว และผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 1 โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ก่อนเข้าสู่การพิจารณาของ ส.ว. ต่อไป

นางมนพร กล่าวต่อว่า รัฐบาล และกระทรวงคมนาคม ได้พยายามผลักดันการประกาศใช้มาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายในวันที่ 1 ต.ค. 2568 ตามที่เคยประกาศไว้ แต่กระบวนการพิจารณาของกลไกทางสภา รวมถึงการประกาศบังคับใช้ของกฎหมายลูก ซึ่งอาจจะเกิดความล่าช้า โดยจะใช้ระยะเวลาอีกประมาณ 1 เดือน จึงอาจจะทำให้ต้องขยับการประกาศใช้มาตรการออกไปอีก

อย่างไรก็ตาม หากมีการขยับวันที่ประกาศใช้มาตรการในระยะที่ 2 นั้น ในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีแดง และรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่ได้เปิดใช้มาตรการไปแล้วตั้งแต่ช่วง พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา จะต้องยกเลิกใช้มาตรการ 20 บาทตลอดสายออกไปก่อนด้วย เนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2568 ได้กำหนดให้สายสีม่วง และสายสีแดง สิ้นสุดมาตรการในวันที่ 30 ก.ย. 2568 ก่อนจะเริ่มมาตรการครบทุกเส้นทางทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 – 30 ก.ย. 2569 หรือตามมติ ครม.

สำหรับมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะครอบคลุมโครงข่ายเส้นทางรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 8 สาย คือ รถไฟฟ้าสายสีเขียว, สีทอง, สีเหลือง, สีชมพู, สีน้ำเงิน, สีม่วง, สีแดง และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (ARL) รวม 13 เส้นทาง ระยะทางรวม 276.84 กิโลเมตร (กม.) ทั้งสิ้น 194 สถานี ซึ่งกระทรวงคมนาคม มีเป้าหมายในการช่วยลดค่าครองชีพในการเดินทางให้กับประชาชน อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะอย่างเท่าเทียม มีความปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมช่วยลดรถยนต์บนถนน ลดอุบัติเหตุ และมลพิษทางอากาศด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงคมนาคมว่า ขณะนี้ทางนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ได้รับรายงานจากกฤษฎีกา เรื่องกรณีที่กระทรวงคมนาคมจะขอใช้งบกลางมาใช้ในโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เพื่อชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้าสีต่าง ๆ หาก พ.ร.บ.กรมรางฯ, พ.ร.บ.ตั๋วร่วม และ พ.ร.บ.รฟม. ยังไม่ผ่านการพิจารณาจากสภาฯ และเสนอเข้าวุฒิสภา เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการออกกฎหมายลูก ตามที่เคยกำหนดว่าจะให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค. 2568 นั้น จากนั้นกระทรวงคมนาคม ได้มีแผนสำรองในการเสสนอขอรับจัดสรรงบกลางมาใช้ดำเนินการ แต่ล่าสุด คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตีความว่า กระทรวงคมนาคม ไม่สามารถเสนอขอรับจัดสรรงบกลางมาใช้ชดเชยได้ เนื่องจากมองว่ายังไม่เป็นเรื่องเร่งด่วน

ดังนั้น กระทรวงคมนาคม จึงเร่งพยายามที่จะผลักดัน ให้มีการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. ทั้ง 3 ฉบับผ่าน ซึ่งปัจจุบัน พ.ร.บ.กรมรางฯ ได้ผ่านสภาผู้แทนราษฎร และจ่อเข้าวุฒิสภาแล้ว ส่วน พ.ร.บ .ตั๋วร่วม และ พรบ.รฟม. นั้น จะมีการพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 ในสัปดาห์นี้  ซึ่งตามขั้นตอนในการพิจารณาเมื่อผ่านสภาฯ เข้าพิจารณาของวุฒิสภา ก็ต้องใช้เวลา 1 เดือน และหากผ่านการพิจารณาแล้ว ก็ต้องเข้าขั้นตอนการจัดทำออกกฎหมาย ใช้ระยะเวลาเป็นเดือน ซึ่งจะไม่ทันตามที่รัฐบาลได้ประกาศว่า จะมีผลบังคับใช้มาตรการรถไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 20 บาท ได้ทันวันที่ 1 ต.ค. 2568 แน่นอน

ด้านนายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ในฐานะโฆษกกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สำหรับผู้สูงอายุที่ได้รับสิทธิ์ ส่วนลดค่าเดินทาง 50% อยู่แล้วนั้น สามารถเลือกรับสิทธิ์ได้ตามความเหมาะสมของการเดินทาง โดยผู้สูงอายุที่มีความสนใจเข้าร่วมนโยบาย การคิดอัตราค่าโดยสาร หากลงทะเบียนด้วยบัตรที่กำหนด (บัตร Rabbit / บัตร EMV) ในแอปฯ “ทางรัฐ” การชำระค่าโดยสารด้วยบัตรที่นำมาลงทะเบียน ยังคงได้รับสิทธิ์ที่ลดหย่อนซึ่งค่าโดยสารที่ลดแล้วจะชำระสูงสุดไม่เกิน 20 บาท

ทั้งนี้ บัตรที่นำมาลงทะเบียนต้องเป็นบัตรสำหรับผู้สูงอายุ (บัตร Rabbit สำหรับผู้สูงอายุ/ บัตร MRT EMV หรือ Mangmoom EMV สำหรับผู้สูงอายุ) จึงได้จะรับสิทธิ์ลดหย่อยพร้อมชำระค่าโดยสารไม่เกิน 20 บาท กรณีผู้สูงอายุนำบัตร EMV ของธนาคารมาลงทะเบียน จะไม่ได้รับการลดหย่อยสำหรับผู้สูงอายุ แต่ยังคงได้รับสิทธิ์ตามมาตรการโดยชำระค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 20 บาท (เนื่องจากบัตร EMV ปกติยังไม่มีสิทธิ์ลดหย่อนในการเดินทาง) คำแนะนำสำหรับผู้สูงอายุ หากประสงค์ลงทะเบียนรับสิทธิ์ตามมาตรการ 20 บาท ดังนั้น แนะนำให้ใช้บัตร Rabbit สำหรับผู้สูงอายุ/ บัตร MRT EMV หรือ Mangmoom EMV สำหรับผู้สูงอายุ ในการลงทะเบียนรับสิทธิ์

มาตรการ 20 บาทตลอดสายคือ โปรโมชั่นพิเศษ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของที่ผู้ใช้เดินทางด้วยรถไฟฟ้า เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไปหรือผู้สูงอายุก็ตาม ดังนั้นอย่าหลงเชื่อข้อมูลบิดเบือน นโยบายนี้มีโปร่งใส ไม่มีการเอาเปรียบประชาชนอย่างแน่นอน ผู้โดยสารที่นั่งสั้น ๆ และค่าโดยสารไม่ถึง 20 บาทก็ยังจ่ายตามจริง ไม่ถูกบังคับให้จ่ายแพงขึ้นแต่อย่างใด” นายกฤชนนท์ กล่าว