จท. ลุยพัฒนาท่าเรืออัจฉริยะ 29 แห่ง เสร็จครบปี 69 ดึง ‘อารยสถาปัตย์’ คาดปี 70 มีผู้โดยสารใช้ท่าเรือโดยสารกว่า 5.3 หมื่นคน
“เจ้าท่า” มุ่งยกระดับ “ท่าเรือโดยสาร” นำหลักออกแบบ “อารยสถาปัตย์” เพื่อส่งเสริมสิทธิเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม รองรับบริการทุกกลุ่ม ใช้บริการสัญจรทางน้ำอย่างปลอดภัย ตามมาตรฐานสากล ดึงเทคโนโลยี-นวัตกรรมพลังงาน บริหาร “ท่าเรืออัจฉริยะ“ ตั้งเป้าแล้วเสร็จ 29 แห่งในปี 69 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล คาดปี 70 มีผู้ใช้บริการกว่า 5.3 หมื่นคน เชื่อมระบบโครงข่าย ”ล้อ-ราง-เรือ“ อย่างไร้รอยต่อ
นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม โดย จท. ในฐานะผู้กำกับดูแลและพัฒนาระบบขนส่งทางน้ำและการพาณิชยนาวี ได้เร่งดำเนินการตามแผนพัฒนาท่าเรืออัจฉริยะ หรือ Smart Pier ทั้งหมด 29 แห่ง ทั้งในกรุงเทพ และปริมณฑล โดยกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้กรมเจ้าท่า เร่งยกระดับท่าเรือให้เป็นสถานีเรือโดยสาร ที่มีการออกแบบตามหลักอารยสถาปัตย์ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย ความสวยงาม ปลอดภัยสูง สำหรับการใช้สัญจรในแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองที่สำคัญ เพื่อรองรับการขยายตัวจำนวนผู้ใช้บริการสัญจรและการท่องเที่ยวทางน้ำ ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงระบบขนส่งอื่นๆ ภายใต้โครงข่าย “ล้อ-ราง-เรือ อย่างไร้รอยต่อ
สำหรับแผนการปรับปรุงและแก้ไขท่าเรือโดยสาร ได้กำหนดแนวทางการพัฒนาให้เป็นทิศทางเดียวกัน โดยคำนึงถึงสิทธิความเท่าเทียมทางสังคม ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมทางน้ำ เพื่อรองรับประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวก ให้กับกลุ่มผู้ทุพลภาพ ผู้สูงอายุ เด็ก และสตรีมีครรภ์ รวมถึงผู้ที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวทางร่างกาย ซึ่งการออกแบบ “อารยสถาปัตย์” หรือ (Friendly Design) ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ประกอบด้วย ทางลาดชัน ห้องน้ำสำหรับผู้พิการ รวมถึงป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อเกิดให้เข้าใจง่ายขึ้น และยังได้ปรับปรุงภูมิสถาปัตย์ให้ดูกลมกลืน และสอดคล้องกับบริบททางสังคมในแต่ละพื้นที่ พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัย รวมถึงการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ของผู้โดยสารที่เข้ามาใช้บริการ การนำพลังงานสะอาดมาใช้ เพื่อยกระดับเป็นท่าเรือที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
ทั้งนี้ ความก้าวหน้าในการดำเนินงาน ได้มีการปรับปรุงและแก้ไขท่าเรือโดยสารในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในรูปแบบอารยสถาปัตย์แล้วเสร็จ 16 แห่ง อาทิ กรมเจ้าท่า สะพานพุทธ นนทบุรี ท่าช้าง สาทร ราชินี และบางโพ จากทั้งหมด 29 แห่ง และอีก 13 แห่ง จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2569 ตามแผนงานที่วางไว้ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ยังได้มีการเปิดให้บริการท่าเรือพระราม 7 อย่างเป็นทางการ ด้วยแนวคิด “ท่าเรือยุคใหม่ สะดวกปลอดภัย เทคโนโลยีก้าวไกล ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ซึ่งถือเป็นท่าเรือที่ได้ร่วมมือกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่มีการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านพลังงาน ติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อปบนหลังคาท่าเรือ พร้อมสถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV CHARGER) ให้เป็นท่าเรือ Smart Pier อย่างสมบูรณ์แบบ
สำหรับแผนการพัฒนาท่าเรือในต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ท่าเรือเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และท่าเรือ ใน จ.ภูเก็ต ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก กรมเจ้าท่า ได้เข้าไปกำกับดูแลและขอความร่วมมือจากภาคเอกชน ให้ดำเนินการปรับปรุงและแก้ไขท่าเทียบเรือต่างๆ ให้เป็นรูปแบบอารยสถาปัตย์ เพื่อให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีมาตรฐานระดับสากล ทั้งในด้านการบริหารจัดการท่าเรือ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อผู้ใช้บริการในประเทศ รวมถึงนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ
กรมเจ้าท่า คำนึงถึงความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกในการเดินทางโดยสารทางน้ำ เพื่อให้เกิดการกระตุ้น การพัฒนาระบบขนส่งในหลายมิติ และสามารถสร้างความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่มในสังคม ดังนั้นทุกขั้นตอนของการออกแบบ เพื่อให้เข้าถึงทุกกลุ่ม ที่จะใช้บริการท่าเรือโดยสารได้อย่างมั่นใจ มีความปลอดภัยสูงสุด ” นายกริชเพชร กล่าว
ทั้งนี้ แผนการพัฒนาท่าเรือ จะสามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารที่มีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันมีผู้ใช้บริการสัญจรทางน้ำเพิ่มสูงขึ้น ทำให้คาดกาณ์ว่าภายในปี 2570 จะมีผู้ปริมาณผู้ใช้บริการท่าเรือโดยสารเฉลี่ย 53,000 คนต่อวัน และยังสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 280,230 ตัน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี