‘สุริยะ-มนพร‘ บุก ’ชัยภูมิ‘ ยกระดับคมนาคมทางถนน เชื่อมเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวไร้รอยต่อ

“สุริยะ-มนพร” ลงพื้นที่ “ชัยภูมิ” รับฟังปัญหาคมนาคม เดินหน้าโครงการก่อสร้าง-ปรับปรุงทางหลวงหลายสาย พร้อมเร่งพิจารณารับมอบถนนจาก อปท. 34 สาย รวมถึงถนนเข้าเขื่อนจุฬาภรณ์-ห้วยกุ่ม กว่า 495 กม. เร่งหน่วยงานบูรณาการพัฒนาโครงข่ายขนส่งอีสานตอนล่างสู่มาตรฐานสากล รองรับเศรษฐกิจ-การค้า-การลงทุน-ท่องเที่ยว-คุณภาพชีวิตประชาชน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ (24 พ.ค. 2568) ตน ได้ลงพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ร่วมกับ นางมนพร เจริญศรีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งจังหวัดชัยภูมิ ถือเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของประเทศ รัฐบาลภายใต้การบริหารงานของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในทุกมิติ โดยเฉพาะการคมนาคมขนส่งที่มุ่งเน้นให้การเดินทางและขนส่งมีความสะดวก รวดเร็ว ประหยัด และปลอดภัย อันจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของจังหวัด และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ทั้งนี้ จังหวัดชัยภูมิมีทางหลวงในความดูแลของกรมทางหลวง (ทล.) ทั้งหมด 27 สายทาง เป็นทางสายหลัก 5 สายทาง สายรอง 22 สายทาง มีโครงข่ายสายรองของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) 56 สายทาง และมีเส้นทางการเดินรถโดยสารสาธารณะเชื่อมต่อระหว่างจังหวัด 39 เส้นทาง ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อมารับทราบปัญหาอุปสรรคการคมนาคมขนส่งในพื้นที่ และรับฟังข้อเสนอแนะในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้สามารถรองรับการขยายตัวของเมือง เขตชุมชน และการท่องเที่ยว

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า จากการได้พบปะประชาชนชาวอำเภอคอนสาร และอำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ ณ โรงเรียนคอนสารวิทยาคม ได้รับทราบถึงความเดือดร้อนจากการใช้ถนน จึงได้มอบหมาย ทล. ดำเนินการโครงการก่อสร้างทาง ทล. 2159 ตอนชัยภูมิ – เกษตรสมบูรณ์ และตอนเกษตรสมบูรณ์ – คอนสาร ปรับปรุงเป็นมาตรฐานทางชั้นพิเศษขยายเป็น 4 ช่องจราจร ระยะทางรวม 20 กิโลเมตร (กม.) และมีงานปรับปรุงความปลอดภัยบริเวณทางแยกอันตราย 3 แห่ง โครงการขยายและปรับปรุงความปลอดภัยบริเวณทางแยกอันตราย ทล.2037 ตอนภูเขียว – เกษตรสมบูรณ์ 2 แห่ง และโครงการก่อสร้าง ทล.2484 สายทางเลี่ยงเมืองภูเขียว ปรับปรุงเป็นมาตรฐานทางชั้นพิเศษขยายเป็น 4 ช่องจราจร ระยะทางรวม 27 กม.

ในส่วนของการดำเนินการรับมอบถนนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่มีความประสงค์จะส่งมอบให้ ทช. เพื่อพัฒนาเป็นโครงข่ายทางหลวงชนบทในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ 34 สายทาง ระยะทางรวม 457 กม. ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเกณฑ์ความเหมาะสมของคณะทำงาน ก่อนนำเสนอคณะกรรมการการกระจายอำนาจพิจารณาต่อไป ส่วนถนนสายทางเข้าเขื่อนจุฬาภรณ์ และถนนสายทางเข้าเขื่อนห้วยกุ่ม ในพื้นที่อำเภอคอนสาร ระยะทาง 38 กม. ที่อยู่ในความรับผิดชอบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่มีความประสงค์จะส่งมอบให้ ทช. พัฒนาเป็นโครงข่ายทางหลวงชนบท ปัจจุบันแขวงทางหลวงชนบทชัยภูมิ สำนักงานทางหลวงชนบทที่ 5 (นครราชสีมา) ได้เสนอขอบรรจุเป็นโครงข่ายทางหลวงชนบท เพื่อสำนักบำรุงทาง ทช. พิจารณาในการรับมอบถนนทั้ง 2 สายทางแล้ว

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ขณะที่ความคืบหน้าโครงการก่อสร้าง ทล.201 สายบ้านผานกเค้า – บ้านหลักร้อยหกสิบ ตำบลห้วยส้ม อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการโครงการก่อสร้างขยายช่องจราจรจาก 2 เป็น 4 ช่องจราจร ระยะทาง 21 กม. ภาพรวมมีความคืบหน้ากว่า 93.66% จึงให้ ทล. เร่งดำเนินการเพื่อเพิ่มศักยภาพสายทางให้ประชาชนเดินทางได้อย่างสะดวก คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน ส.ค. 2568 ทั้งนี้ ทล.201 ถือเป็นเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างประเทศที่มีเส้นทางยาวจรดถึงริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย อีกทั้งยังตัดผ่านทางหลวงสำคัญหลายเส้นทาง เช่น ทล.210 และ ทล.21 เป็นต้น ทั้งนี้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะช่วยบรรเทาความแออัดในเขตชุมชนและพื้นที่สำคัญที่เป็นเส้นทางตัดผ่านประชาชนสามารถเดินทางสัญจรได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น

ผมได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานผลักดันโครงการต่าง ๆ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว เพื่อส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว รวมถึงคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ เลย และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ให้มีความสมบูรณ์ไร้รอยต่อภายใต้มาตรฐานที่เป็นสากล มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูงสุด”

นายสุริยะ กล่าว