‘กลุ่มบริษัทเอไอเอ’ ปลื้ม Q1 ธุรกิจใหม่โต 18% ตอบโจทย์ความคุ้มครอง-การออมตรงจุดลูกค้า

กลุ่มบริษัทเอไอเอ เผยมูลค่าธุรกิจใหม่(VONB) เติบโต 18% คิดเป็นมูลค่า 1,169 ล้านเหรียญสหรัฐจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) ในไตรมาส แรกของปี 62  ขณะที่เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้น 18% คิดเป็นมูลค่า 8,276 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากแผนกลยุทธ์สามารถตอบสนองความต้องการด้านความคุ้มครองทางการเงิน และการออมเงินในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายอึง เค็ง ฮุย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า เอไอเอ เริ่มต้นปีได้ดี โดยเห็นได้จากอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้น 18% คิดเป็นมูลค่า 1,169 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสแรกของปี 2562 ซึ่งเป็นมูลค่าธุรกิจใหม่ประจำไตรมาสที่สูงที่สุดของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ดังนั้นจึงทำให้ภาพรวมผลงานการเติบโตระหว่างปี ซึ่งจากตัวเลขผลประกอบการ แสดงให้เห็นถึงการดำเนินกลยุทธ์การเติบโตที่สามารถตอบสนองความต้องการด้านความคุ้มครองทางการเงิน และการออมเงินในระยะยาว ทั่วทั้งตลาดต่างๆ ที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ เรื่องช่องทางการขายผ่านตัวแทนและนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนามาหลายปี ได้เป็นตัวขับเคลื่อนโครงสร้างการเติบโตของธุรกิจทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
สำหรับ มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตขึ้นนั้น ปัจจัยสำคัญจากการเติบโตที่แข็งแกร่งจากทั้งช่องทางการขายฝั่งตัวแทนและพันธมิตร เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2561 โดยเอไอเอในประเทศจีนยังคงเป็นตลาดที่มีการเติบโตที่รวดเร็วที่สุด ทั้งนี้มาจากการดำเนินกลยุทธ์พรีเมียร์ เอเจนซี (Premier Agency) ที่แตกต่างอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่ออัตราการเติบโตของจำนวนตัวแทนและผลงานที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีกทั้งเอไอเอยังได้เริ่มเตรียมความพร้อมของศูนย์ให้บริการการขายในเมืองเทียนจิน และเมืองฉือเจียจวง ในมณฑลเหอเป่ย
ขณะที่ ธุรกิจของในฮ่องกงมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นผลมาจากช่องทางการขายผ่านตัวแทนและพันธมิตร ซึ่งการเติบโตของตัวแทนเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนตัวแทน ส่งผลให้มูลค่าธุรกิจใหม่มีการเติบโตทั้งตลาดภายในประเทศและในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่
ส่วนทางด้าน การเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ในประเทศไทยนั้น มาจากการดำเนินงานร่วมกับพันธมิตรของเราอย่างธนาคารกรุงเทพ โดย
อไอเอได้เห็นแรงผลักดันในการเปิดรับบุคลากรใหม่และเพิ่มประสิทธิภาพของผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันชีวิต นอกจากนี้ การพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการปรับเปลี่ยนช่องทางตัวแทนยังส่งผลต่อการเติบโตของจำนวนตัวแทนที่มีคุณภาพ ส่วนตลาดอื่นๆ มีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่แข็งแกร่งเช่นกัน
สำหรับ ภาพรวมเบี้ยประกันภัยใหม่รับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้น 11% คิดเป็น 1,827 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 63.6% สำหรับอัตรากำไรของมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยธุรกิจใหม่ (PVNBP) มีการเติบโต 11% ขณะที่เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้น 18% เป็น 8,276 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากเอไอเอมีธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่