‘การรถไฟฯ’ ลงนามสัญญาสร้างรถไฟทางคู่ เฟส 2 ช่วงขอนแก่น-หนองคาย 2.8 หมื่นล้าน ส่วนอีก 6 เส้นทาง เตรียมเข็นชง ครม. ภายใน ม.ค. 68

“การรถไฟฯ” จรดปลายปากกาเซ็นสัญญาโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น – หนองคาย ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 2.86 หมื่นล้าน คาดเริ่มตอกเสาเข็ม เม.ย. 68 สร้าง 3 ปี เสร็จพร้อมเปิดให้บริการปี 71 ก้าวสู่ศูนย์กลางการคมนาคมทางรางในภูมิภาคอาเซียน พร้อมเข็นรถไฟทางคู่อีก 6 เส้นทาง ชง ครม. ภายใน ม.ค. 68 เริ่มทยอยเปิดประมูลกลางปีหน้า ตั้งธงเสร็จครบ 7 เส้นทางในปี 76

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยภายหลังลงนามสัญญาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น – หนองคาย กับกิจการร่วมค้า ช.ทวี-เอเอส ก่อสร้าง มูลค่าโครงการ 28,679 ล้านบาท วันนี้ (12 ธ.ค. 2567) ว่า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น – หนองคาย รวมระยะทางประมาณ 167 กิโลเมตร (กม.) ถือเป็นการต่อยอดเส้นทางชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น เพื่อเชื่อมโยงกับการบริการขนส่งและโลจิสติกส์กับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งในระดับภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ การรถไฟฯ เตรียมส่งมอบพื้นที่ให้กับเอกชนในเบื้องต้นประมาณ 90% เพื่อเริ่มดำเนินการก่อสร้างในช่วง เม.ย. 2568 ส่วนพื้นที่อีก 10% นั้น จะต้องดำเนินการเวนคืนที่ดิน พื้นที่ประมาณ 184 ไร่ วงเงิน 369 ล้าน  แบ่งเป็น งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 100 กว่าล้านบาท และงบประมาณปี 2569 อีกประมาณ 200 กว่าล้านบาท ก่อนส่งมอบพื้นที่ดังกล่าวให้เอกชนครบ 100% ภายใน 2 ปี โดยจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างรวม 3 ปี (36 เดือน) คาดว่า จะแล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2571

สำหรับรูปแบบโครงการดังกล่าวฯ เป็นการก่อสร้างทางรถไฟใหม่เพิ่ม 1 ทาง ขนานไปกับทางรถไฟเดิม และก่อสร้างปรับแนวเส้นทางใหม่บางส่วน ประกอบด้วย อาคารสถานี 14 สถานี ที่หยุดรถ 4 แห่ง ลานบรรทุกสินค้า 3 แห่ง พร้อมทั้งงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคมตลอดทั้งสายทาง โดยเมื่อโครงการแล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มความตรงต่อเวลาและความรวดเร็วในการเดินทางด้วยรถไฟ ในรัศมี 500 กม. จากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่สามารถใช้เวลาน้อยลง 1 เท่าตัว รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและความต้องการเดินทางของประชาชนในอนาคต

นายวีริศ กล่าวต่อว่า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น – หนองคาย การรถไฟฯ ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2566 ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย ในแผนงาน 1 การพัฒนาโครงข่ายรถไฟระหว่างเมือง (การพัฒนาระบบรถไฟรางคู่) ระยะที่ 2

ทั้งนี้ คณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฯ มีมติเห็นชอบให้การรถไฟฯ ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น –หนองคาย เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2564 เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งทางราง สนับสนุนการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า สอดคล้องตามนโยบายการพัฒนาระบบขนส่งและโลจิสติกส์ของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการลดต้นทุนการขนส่งสินค้า และสามารถประหยัดการใช้พลังงานของประเทศได้ในระยะยาว

นายวีริศ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ การรถไฟฯ มีโครงการที่จะพัฒนาทางคู่อย่างต่อเนื่อง ตามแผนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 อีก 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,488 กม. วงเงินรวมประมาณ 2.8 แสนล้านบาท โดยเตรียมเสนอให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาอนุมัติโครงการฯ ภายใน ม.ค. 2568 ประกอบด้วย 1.ช่วงปากน้ำโพ – เด่นชัย  ระยะทาง 281 กม. วงเงิน 81,143 ล้านบาท 2.ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กม. วงเงิน 44,103 ล้านบาท ซึ่ง 2 เส้นทางนี้ จะเริ่มประกวดราคาก่อนเป็นลำดับแรกภายใน เม.ย. 2568

3.ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม. วงเงิน 24,294 ล้านบาท 4.ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงิน 67,459 ล้านบาท 5. ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน  7,900 ล้านบาท โดยในเส้นทางรถไฟทางคู่สายใต้ทั้ง 3 เส้นทางนี้ จะเข้าสู่กระบวนการประกวดราคาในช่วง มิ.ย. 2568 และ 6.ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม. วงเงิน 68,222 ล้านบาท ขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนการจัดทำ EIA คาดว่า จะเริ่มเปิดประกวดราคาได้ใน ส.ค. 2568 อย่างไรก็ตาม การรถไฟฯ ได้กำหนดเป้าหมายไว้ว่า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ทั้ง 7 เส้นทางนั้น จะแล้วเสร็จครบ พร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2576

“การรถไฟฯ เร่งก่อสร้างเส้นทางรถไฟ ทั้งโครงข่ายรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ทางคู่ระยะเร่งด่วน ทางคู่สายใหม่ ตลอดจนโครงการรถไฟความเร็วสูงให้แล้วเสร็จตามแผนงาน เพื่อให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง เพื่อยกระดับประเทศไทย ให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางรางในภูมิภาคอาเซียนต่อไป” นายวีริศ กล่าว