“เสนา”  สู่ Net Zero ตั้งเป้าเป็นเจ้าแรกในกลุ่มอสังหาฯ ผนึกแพลตฟอร์ม Zeroboard หนุนใช้ชีวิตแบบ Low Carbon

 

เสนาดีเวลลอปเม้นท์  ประกาศเดินหน้าสู่องค์กร Net Zero ตั้งเป้าเป็นเจ้าแรกในกลุ่มอสังหาฯมุ่งมั่นในการร่วมลดโลกร้อน จับมือกับ Zeroboard บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติญี่ปุ่น ที่ใช้คลาวด์เทคโนโลยีในการคำนวณและแสดงผลลัพธ์ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของธุรกิจต่างๆ      และเตรียมเดินหน้าสู่แผนการจัดการคาร์บอนองค์กร และการชดเชยคาร์บอนอย่างเต็มระบบ

ดร. เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บ.เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ปัจจุบันภาวะโลกร้อน มีแนวโน้มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  เสนาในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ พร้อมสนับสนุน Decarbonized Lifestyle หรือการใช้ชีวิตแบบ Low Carbon ไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะเรื่องประหยัดพลังงาน ที่ปัจจุบันเป็นสาเหตุของการสร้างคาร์บอนเกือบ 50% พิสูจน์ได้จากการที่เราเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ เจ้าแรกที่ติดโซล่าเซลล์ให้บ้านทุกหลังตั้งแต่เริ่ม รวมถึงต่อยอดการพัฒนาแนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ และ คอนโด Low-Carbon

โครงการแนวราบของ เสนา มี แนวคิดบ้านพลังงานเป็น 0 หรือ ZEH คอนเซ็ปต์หลัก คือ การออกแบบ Passive และ Active Design ที่ช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน ใช้วัสดุประหยัดพลังงาน และการใช้วัสดุก่อสร้างที่ช่วยกันความร้อนรวมถึงการใช้พลังงานสะอาดจากโซล่าเซลล์ ช่วยให้เราซื้อไฟฟ้ามาใช้น้อยที่สุด ประหยัดไฟได้สูงสุดถึง 38% ขณะที่ คอนโด Low-Carbon ได้ประยุกต์แนวคิด Smart City เข้ามาใช้ โดย ใช้วัสดุกันความร้อนและประหยัดไฟ รวมถึงมีการติดตั้วโซลาเซลล์แล้ว ยังมี EV Station และ Smart Mobility แอปข้อมูลการเดินทางแบบไร้รอยต่อที่มีบริการ V MOVE หรือรถรับส่งพลังงานสะอาด ที่จะรับลูกบ้านจากโครงการไปส่งยังสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดเข้ามาบริการด้วยซึ่งบริการเหล่านี้เราสามารถวัดค่าการสร้างคาร์บอนได้ เพราะสิ่งใดที่เราวัดค่าได้ สิ่งนั้นก็สามารถบริหารจัดการได้ “What can be measured, can be managed”  ทั้งนี้นอกจาก คอนโด Low-Carbon จะเป็นคอนโดที่ประหยัดพลังงานแล้ว การส่งเสริม Decarbonize Lifestyle ให้ลูกบ้านลดใช้รถส่วนตัว และมาใช้บริการ V MOVE เพื่อต่อรถสาธารณะกันมากขึ้น ก็ยังถือว่าเป็นการช่วยลดการสร้างคาร์บอนได้อีกทางแต่การวัดค่าการสร้างหรือการลดคาร์บอน ก็จำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับจึงเป็นที่มาของความร่วมมือครั้งสำคัญในวันนี้  กับ Zeroboard

“Zeroboard” เป็น บริษัทสตาร์ทอัพจากประเทศญี่ปุ่นที่ใช้คลาวด์เทคโนโลยีในการคำนวณและการแสดงผลลัพธ์ของการสร้างคาร์บอนสามารถใช้ได้กับทั้งองค์กร หรือผลิตภัณฑ์ ผ่านการทดลองใช้ในระดับเมืองใหญ่ๆ ในประเทศญี่ปุ่น โดยภาครัฐของญี่ปุ่น มีความน่าเชื่อถือและยังง่ายต่อการใช้งาน โดยเสนาฯ จะนำระบบนี้เข้ามาใช้กับตัวองค์กร และในโครงการเพื่อเก็บข้อมูลคาร์บอนที่เกิดขึ้น หรือการลดลงของคาร์บอนจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของลูกบ้าน เสนา ให้ความสำคัญ และมุ่งมั่นในการจัดการคาร์บอนอย่างจริงจัง เราลงมือทำจริง วัดจริง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยโลกของเรา และยังช่วยส่งเสริมการใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันที่ต้องปรับตัวอย่างมาก และจากความร่วมมือครั้งนี้กับ Zeroboard เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของเป้าหมายต่อไปด้านความยั่งยืนของเรา คือ The road to NET ZERO และเราตั้งเป้าเป็นบริษัทอสังหาฯ เจ้าแรก ที่ประกาศเป็น Net Zero” ดร.เกษรา กล่าว

ด้าน Mr.Shintaro Suzuki, Director & Head of APAC Regional Business, Zeroboard (Thailand) Co., Ltd. ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ“Zeroboard”เพิ่มว่าZeroboardเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการคำนวณและแสดงผลลัพธ์  การ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศได้ตลอดจนวัดผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก        ต่อ  ผลิตภัณฑ์หรือบริการ (Product Carbon Footprint: PCF) ผ่านระบบคลาวด์ พร้อมทั้งมีทีมผู้เชี่ยวชาญในการนำเสนอวิธีการในการลดก๊าซเรือนกระจกที่คำนึงถึงความเหมาะสมกับลูกค้า  ธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรม

จุดเด่นของ “Zeroboard” คือความสามารถในการคำนวณอย่างละเอียด แม่นยำ และการแสดงผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งรองรับทั้งหมด 6 ภาษา รวมถึงภาษาไทย ทำให้สะดวกต่อการใช้งานสำหรับบริษัทที่มีสาขาในหลายประเทศทั้งยังมีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ สามารถประเมินปล่อยก๊าซต่อหน่วยสินค้าหรือบริการ (Product Carbon Footprint: PCF) ด้วยวิธี Life Cycle Assessment (LCA) ผ่านแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นบนคลาวด์

“การลงนามความร่วมมือกันในฐานะพันธมิตร ระหว่าง SENA และ Zeroboard ในวันนี้ ผมเชื่อมั่นว่า ด้วยความเชี่ยวชาญในการให้บริการคลาวด์สำหรับคำนวณและแสดงผลลัพธ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ของ Zeroboard ทาง SENA จะสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปพัฒนากลยุทธ์เพื่อลดการปล่อยก๊าซฯ ให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากยิ่งขึ้นอีกทั้งยังสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกลุ่มลูกค้าและช่วยประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายความยั่งยืนในระดับสากลได้อีกด้วย” Mr.Shintaro กล่าว