‘นักวิชาการ & ผู้ประกอบการขนส่ง” ตื่นตัว ‘คาร์บอนเครดิต’ เดินเครื่องนวัตกรรม ‘โลจิสติกส์สีเขียว’

นักวิชาการ & ผู้ประกอบการขนส่งตื่นตัวคาร์บอนเครดิต หลังเดินหน้านวัตกรรมโลจิสติกส์สีเขียว หวังเป็นช่องทางซื้อขายเพิ่มรายได้ จูงใจช่วยลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนองนโยบายรัฐเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

ผศ.ดร. มะโน ปราชญาพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและบริการวิชาการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน วิทยาลัยโลจิสติกส์ และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา (มร.สส.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ สถาบันฯ ได้ร่วมกับบริษัท เอเชียพลัส อีวี จำกัด หรือ AEV  ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายยานยนต์พลังงานไฟฟ้า(EV) เชิงพาณิชย์ ของ บริษัทเน็กซ์ พอทย์ จำกัด (มหาชน) และสถาบันมาตรฐานอังกฤษ (BSI) จัดโครงการอบรมให้ความรู้ในหัวข้อการจัดการคาร์บอนเครดิต ตามมาตรฐาน ISO 14064-1 , Carbon Trade และ การปรับเปลี่ยนระบบการขนส่งไฟฟ้า หรือ  EV transportation”

ทั้งนี้ มีผู้แทนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ผู้แทนจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ศรีตรัง โลจิสติกส์ จำกัด บริษัทธนัชวิชญ์ แทรเวลกรุ๊ป จำกัด บริษัท นิ่มซี่เส็งจนส่ง 1988 จำกัด และผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์หลายแห่งเข้าร่วม

ผศ.ดร. มะโน กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการซื้อขายคาร์บอนเครดิตถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของกลไกตลาด เพื่อจูงใจให้ภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ซึ่งในส่วนของประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 ดังนั้นผู้ประกอบการ โดยเฉพาะภาคการขนส่งจึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการจัดการขนส่งโดยระบบ EV transportation

อีกทั้ง สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการและวิธีการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร ให้สามารถจัดทำระบบมาตรฐานการวัดปริมาณและการรายงานผลการปลดปล่อย และลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในระดับองค์กร ตามแนวทางมาตรฐาน ISO 14064-1:2018 รวมถึงความรู้เกี่ยวกับมาตรการ CBAM (ซีแบม)

โดยเป็นมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงเข้ามาในประเทศกลุ่มอียู เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนากระบวนการผลิตที่มีความสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  และวิเคราะห์หาแนวทางในการบริหารจัดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพต่อไป

ด้านนายอิทธิวัตร เภาสูตร์ ประธานบริหาร บริษัทเอเซียพลัส อีวี จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ เล็งเห็นความสำคัญเรื่องนวัตกรรมโลจิสติกส์สีเขียวอย่างมาก จึงร่วมกับสถาบันฯดำเนินโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับข้อมูลความรู้อย่างถูกต้อง รวมถึงสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ยานยนต์ EV  ที่นอกจากจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลอยขึ้นไปทำลายชั้นบรรยากาศแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งจากการใช้พลังงานไฟฟ้าแทนน้ำมันได้อีก

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ให้ความสนใจและเริ่มหันมาเปลี่ยนใช้ยานพาหนะ EV เพื่อการขนส่งสินค้ามากขึ้นเนื่องจากมีข้อมูลว่าสามารถนำไปสู่การยื่นขอการรับรองภายใต้โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) ซึ่งคาร์บอนเครดิต ที่เกิดขึ้นจากโครงการ T-VER สามารถนำประโยชน์ไปใช้ในการชดเชยคาร์บอน ผ่านปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศ และนำไปซื้อขายในตลาดคาร์บอนได้

 

นายอิทธิวัตร กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเป็นที่ปรึกษา EV transportation Solution แบบ Ecosystem ไม่ใช่เพียงแค่ดีลเลอร์ขายรถ EV เท่านั้น แต่ต้องสามารถตอบโจทย์ให้ลูกค้าด้วยการนำเสนอโมเดลที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจภาคการขนส่งด้วยมิติใหม่ โดยจะให้คำปรึกษาด้านนวัตกรรมโลจิสติกส์สีเขียว รวมถึงการออกแบบเส้นทางการขนส่งสินค้าอย่างคุ้มค่า

ขณะเดียวกันการให้บริการหลังการขายในการจัดทำข้อมูลการใช้งานของรถ EV เชิงพาณิชย์ ทั้งการจัดทำรายงานการแสดงข้อมูลปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยจากการดำเนินงานขององค์กร และการสะสมคาร์บอนเครดิตที่จะนำไปสู่การซื้อขายในอนาคต จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เป็นประโยชน์ในการเพิ่มรายรับให้กับผู้ประกอบการ ที่สำคัญยังเป็นการสนองนโยบายภาครัฐที่จะนำไปสู่เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศอีกด้วย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://asiaplusev.com/ หรือเพจเฟสบุ๊ค รถไฟฟ้า ASIA PLUS EV