‘การรถไฟฯ’ ทดลองขนส่ง ‘เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน’ 46 ตัน ‘ประจวบฯ-สุพรรณฯ’ 356 กม. เร่งจัดหาโบกี้ 946 คัน 2.4 พันล้าน

การรถไฟฯจับมือภาคเอกชน เปิดทดลองเดินขบวนรถพิเศษขนส่งเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน” 46 ตัน จากประจวบฯสุพรรณบุรี 356 กม. ใช้เวลา 10-12 ชั่วโมง เดินหน้าหารายได้ ดึงเอกชนขนส่งสินค้าทางราง ยกระดับการบริการ ก้าวสู่ฮับโลจิสติกส์อาเซียน พร้อมเร่งจัดหาโบกี้ 946 คัน มูลค่า 2.4 พันล้าน รับการเติบโตในอนาคต

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า วันนี้ (15 .. 2566) ตนพร้อมด้วยนายเสถียรเจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนายนาวา จันทนสุรคน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นประธาน และตัดริบบิ้นในพิธีเปิดเดินขบวนรถพิเศษสินค้าทดลองขนส่งผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน (HRC) ของบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ในเส้นทางระหว่างสถานีนาผักขวง .ประจวบคีรีขันธ์ ไปยังที่หยุดรถศรีสำราญ .สุพรรณบุรี โดยจะพ่วงรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าคอนเทนเนอร์(บทต.) พิกัดบรรทุก 46 ตัน จำนวน 3 คัน

ด้านนายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์การรถไฟฯ กล่าวว่า การเปิดเดินขบวนรถพิเศษสินค้าทดลองขนส่งดังกล่าว เป็นความร่วมมือของการรถไฟฯ และบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟฯ ที่มุ่งเน้นสนับสนุนส่งเสริมการขนส่งสินค้าภายในประเทศและการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่การรถไฟฯ รวมทั้งช่วยยกระดับโลจิสติกส์ของประเทศให้สามารถแข่งขันทัดเทียมกับนานาประเทศ

ทั้งนี้ การขนส่งสินค้าทางราง ถือเป็นระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ ต้นทุนต่ำ ประหยัดพลังงาน และมีความคุ้มค่าสามารถขนส่งได้ครั้งละจำนวนมากกว่าทางถนนหลายเท่าตัว โดยที่ผ่านมาการรถไฟฯ ได้สนับสนุนกลุ่มบริษัทพันธมิตรทางการค้า ทดลองเปิดเดินขบวนรถขนส่งสินค้าทางรถไฟ ไปยังศูนย์กระจายสินค้าผ่านเส้นทางรถไฟในหลายเส้นทาง และขณะนี้ยังดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง อาทิ สินค้าเกลือ ทุเรียน ยางพารา และ ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ดเป็นต้น ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนถ่ายการขนส่งสินค้าจากถนนมาสู่ระบบราง

นายเอกรัช กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการรถไฟฯ มีนโยบายส่งเสริม และสนับสนุนการพัฒนาระบบรางให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อขนส่งสินค้าในแนวเส้นทางยุทธศาสตร์ให้สามารถเชื่อมโยงกับฐานผลิตภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมของประเทศ ตอบสนองความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้การรถไฟฯ ยังอยู่ระหว่างการเตรียมจัดหาโบกี้รถบรรทุกตู้สินค้า 946 คัน วงเงินประมาณ 2,400 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของการขนส่งสินค้าทางรางที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต

อย่างไรก็ตาม การรถไฟฯ เชื่อมั่นว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณการขนส่งทางรางได้มากขึ้นในอนาคต เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุน อาทิ การก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ และการก่อสร้างย่านกองเก็บตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ (CY) ที่ดำเนินการใกล้แล้วเสร็จเป็นรูปธรรม ตลอดจนทางคู่สายอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างเร่งรัดการก่อสร้าง การประหยัดพลังงาน และลดปัญหามลพิษทางอากาศ สิ่งเหล่านี้จะทำให้บริษัทเอกชนต่างๆ มีความเชื่อมั่นต่อการขนส่งสินค้าทางรางเพิ่มมากขึ้น

สำหรับการเดินขบวนรถพิเศษสินค้าทดลอง ขนส่งผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ของบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ต้นทางการขนส่งเริ่มจากสถานีนาผักขวง .ประจวบคีรีขันธ์ ไปยังที่หยุดรถศรีสำราญ.สุพรรณบุรี ระยะทาง 356 กิโลเมตร (กม.) ใช้ระยะเวลาการเดินรถเฉลี่ย 10-12 ชั่วโมง ทั้งนี้ สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนที่ขนส่ง มีน้ำหนักแต่ละม้วนอยู่ระหว่าง 6-23 ตัน/ม้วน เส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2,050 มิลลิเมตร

นายเอกรัช กล่าวอีกว่า การทดลองขนส่งบนรถ บทต. มี 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.ขนส่ง HRC ม้วนใหญ่ จำนวน 1 ม้วน2.ขนส่ง HRC ม้วนใหญ่ จำนวน 2 ม้วน และ 3.ขนส่ง HRC ม้วนใหญ่ จำนวน 1 ม้วน และม้วนเล็ก จำนวน 2 ม้วน ซึ่งแต่ละรูปแบบน้ำหนักบรรทุกรวมไม่เกิน 46 ตัน ซึ่งการทดลองขนส่งผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนที่เริ่มขบวนรถทดลองในวันนี้ จากนั้นบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) จะดำเนินการจัดทำรายงานสรุปผลการทดสอบจัดทำแผนการขนส่ง และรวบรวมสรุปผลการดำเนินงานในช่วงปีถัดไป โดยเบื้องต้นบริษัทฯ มีแผนเริ่มขนส่งในเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ การรถไฟฯ มีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการนำระบบขนส่งทางราง มาสนับสนุนขนส่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประชาชนในพื้นที่จะได้ประโยชน์โดยตรง สามารถนำสินค้าในท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ชุมชนขนส่งกับทางรถไฟเพื่อเชื่อมโยงแหล่งผลิตไปยังจุดหมายปลายต่างๆ ช่วยอำนวยความสะดวกด้านปริมาณการขนส่ง ลดมลพิษ ลดระยะเวลาการเดินทาง ช่วยประหยัดต้นทุนการขนส่งให้ภาคประชาชน และเอกชน

ขณะเดียวกัน ยังเพิ่มขีดความสามารถระบบขนส่งโลจิสติสก์ของประเทศ ให้สามารถแข่งขันทัดเทียมกับนานาประเทศและก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของอาเซียนต่อไป ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่สนใจใช้บริการขนส่งสินค้า ภาคเกษตร หรือภาคอุตสาหกรรม สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง