‘กรมรางฯ’ เดินเครื่องไฮสปีดเทรน ‘กรุงเทพฯ-พิษณุโลก’ 380 กม. หารือร่วม ‘ญี่ปุ่น’ ชี้คุ้มค่าลงทุน มีผลตอบแทนทาง ศก. สูงถึง 17.3%
“กรมรางฯ” หารือญี่ปุ่น ถกความเหมาะสมทางเศรษฐกิจไฮสปีดเทรนกรุงเทพฯ–เชียงใหม่ ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ–พิษณุโลก ระยะทาง 380 กม. ชี้คุ้มค่าการลงทุน มีผลตอบแทนเศรษฐกิจสูงถึง 17.3% จากเกณฑ์ 12%
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือด้านเทคนิคโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ ร่วมกับผู้แทนจากฝ่ายญี่ปุ่น ประกอบด้วย ผู้แทนจากกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น (MLIT) องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) และสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย วันนี้ (8 มี.ค. 2566) ว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้ร่วมกันพิจารณาผลการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจและการเงินของโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ–เชียงใหม่ ฉบับสมบูรณ์ รวมถึงความร่วมมือในอนาคต
สำหรับการประชุมในวันนี้นั่น เป็นการประชุมต่อเนื่องจากการประชุมด้านเทคนิคฯ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2565 ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นได้นำเสนอผลการศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ รวมทั้งผลประโยชน์ทางตรงและทางอ้อม พบว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ–เชียงใหม่ ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ–พิษณุโลก มีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ(EIRR) อยู่ที่ 17.3% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 12%
โดยมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) เป็นบวกตลอดระยะเวลาดำเนินการ จึงก่อให้เกิดความคุ้มค่าในด้านเศรษฐศาสตร์นับตั้งแต่ทั้งสองประเทศได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือการพัฒนาระบบรางระหว่างไทย–ญี่ปุ่น (Memorandum of Cooperation : MOC) เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2558 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้ ฝ่ายไทยและญี่ปุ่นได้ตกลงร่วมกันในการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ–เชียงใหม่ ระยะแรกในเส้นทางกรุงเทพฯ–พิษณุโลก ระยะทาง 380 กิโลเมตร (กม.) รวมถึงเส้นทางพิษณุโลก–เชียงใหม่ในอนาคต
สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ–เชียงใหม่ถือเป็นโครงการสำคัญที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมให้แก่ประเทศไทย การประชุมในวันนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและมิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองประเทศ และนำไปสู่ความสำเร็จของการดำเนินโครงการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป