อัปเดต! ‘สายการเดินเรือแห่งชาติ’ จ่อชง ‘คมนาคม’ เคาะไฟเขียวภายใน มี.ค.นี้ พร้อมเร่งแก้ พ.ร.บ.การท่าเรือฯ อัพเกรดขนส่งทางน้ำไทย

กทท. เดินหน้าจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติจ่อเสนอคมนาคมพิจารณาภายใน มี..นี้ เปลี่ยนโหมดการขนส่งทางถนนสู่ทางน้ำ เล็งนำร่อง 3 เส้นทางใหม่ หลังพบผลตอบแทนการลงทุน 7.71% วางเป้าขนส่งสินค้าทางน้ำปีแรก 1 ล้านTEUS พร้อมเร่งแก้ ...ท่าเรือฯ ..2494 ปูทาง กทท.ลงทุนในธุรกิจได้ ยกระดับขนส่งทางน้ำไทย

นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยภายหลังให้เกียรติเป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาเผยแพร่ผลการศึกษาโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติและแนวทางการพัฒนากองเรือพาณิชย์ไทย วันนี้ (25 .. 2566) ว่า ตามที่ กทท. ได้จ้างบริษัท ทรานส์คอนซัลท์ จำกัดและศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติและแนวทางการพัฒนากองเรือพาณิชย์ไทยนั้น

ขณะนี้ คณะที่ปรึกษาฯ ได้ดำเนินการศึกษาโครงการดังกล่าวทั้ง 4 ด้านแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ประกอบด้วย 1.รูปแบบการจัดตั้งและรูปแบบการบริหารสายการเดินเรือแห่งชาติ 2.เส้นทางการเดินเรือ 3.แผนการตลาด การเงิน การลงทุน และ 4.ความคุ้มค่าต่อระบบเศรษฐกิจและการลงทุน ทั้งนี้ กทท.เตรียมเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) กทท.พิจารณา ก่อนเสนอไปยังกระทรวงคมนาคมภายใน มี.. 2566 จากนั้นจึงเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติต่อไป

นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่า ผลการศึกษาดังกล่าว พบว่า รูปแบบการบริหารสายการเดินเรือแห่งชาติ ควรเน้นการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน โดยรัฐลงทุนในสัดส่วนไม่เกิน 25% จะทำให้มีความเหมาะสมและคล่องตัวในการบริหารงานที่เกี่ยวข้องในด้านการตัดสินใจที่รวดเร็ว เป็นการดึงจุดเด่นของภาครัฐและภาคเอกชนร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมการขนส่งทางชายฝั่งของไทย อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มผู้ประกอบการและนักลงทุนทั้งชางไทยและต่างชาติ ให้ความสนใจร่วมลงทุนในธุรกิจสายการเดินเรือแห่งชาติจำนวนหลายราย ทั้งในกลุ่มผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมการขนส่งทางน้ำธุรกิจโลจิสติกส์ และสายเรือ

สำหรับเส้นทางการเดินเรือภายในประเทศ พบว่า มี 9 เส้นทางที่มีความเหมาะสม สามารถเปลี่ยนจากการขนส่งทางบกมาสู่ทางน้ำได้ แต่มี 3 เส้นทางที่เหมาะสมที่สุดในการลงทุนและไม่ทับซ้อนกับเส้นทางที่มีเอกชนดำเนินการอยู่ก่อนแล้ว โดยมีผลตอบแทนทางการลงทุนอยู่ที่ 7.71% ประกอบด้วย 1.เส้นทางท่าเรือมาบตาพุต (ระยอง)-ท่าเรือแหลมฉบัง (ชลบุรี) 2.เส้นทางท่าเรือไฟร์ซัน (สมุทรสงคราม)-ท่าเรือแหลมฉบัง (ชลบุรี) และเส้นทางท่าเรือแหลมฉบัง(ชลบุรี)-ท่าเรือสุราษฎร์ธานี

ขณะที่ เส้นทางการเดินเรือต่างประเทศนั้น ได้พิจารณารูปแบบการให้บริการเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ออกเป็น2 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 เป็นบริการเดินเรือไม่ประจำเส้นทาง ให้บริการขนส่งสินค้าประเภทเทกอง คาดการณ์ส่วนแบ่งปริมาณสินค้าที่จะมาใช้บริการสายการเดินเรือแห่งชาติ 2% คิดเป็น 1.2 ล้านตัน ขีดความสามารถในการให้บริการจำเป็นต้องจัดหาเรือประเภทเรือขนาด Handy Max ขนาด 32,000 เดทเวทตัน จำนวน 3 ลำ ให้บริการปีละ 8 รอบ และเรือขนาด Supra Max ขนาด 50,000 เดทเวทตัน จำนวน 2 ลำ ให้บริการปีละ 5 รอบ

ในส่วนของระยะที่ 2 เป็นการให้บริการเดินเรือบรรทุกตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ ให้บริการในเส้นทางเอเชียตะวันออกอาทิ จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง, เส้นทางอาเซียน อาทิ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และกลุ่มประเทศ BIMSTEC คือ อินเดียและเมียนมา โดยประเภทสินค้าที่ส่งออกจากไทย รวมปริมาณส่งออก 20.0 ล้านตัน สำหรับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศรวมปริมาณนำเข้า 9.1 ล้านตัน

ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคาดการณ์ปริมาณสินค้าที่จะมาใช้บริการเรือบรรทุกตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ของบริษัทสายการเดินเรือแห่งชาติประมาณ 2% ของการส่งออกและนำเข้า คิดเป็นจำนวนสินค้าคอนเทนเนอร์ 31,005 TEUS ขนาดของเรือที่จะเข้ามาให้บริการเป็นเรือตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ขนาด 1,500 TEUS จำนวน 4 ลำ แต่ละลำทำรอบหมุนเวียน 8 รอบต่อปี

นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า ตั้งเป้าหมายเปิดให้บริการเดินเรือประจำเส้นทางในเส้นทางชายฝั่งของไทยภายในปีแรกของการจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ โดยในปัจจุบันภาพรวมการขนส่งทางน้ำภายในประเทศมีประมาณ 10 ล้านTEUSต่อปี คาดหวังว่า เมื่อเปิดให้บริการสายการเดินเรือแห่งชาติแล้ว จะมีประมาณ 10% หรือ 1 ล้าน TEUSต่อปีและผลักดันภาพรวมการขนส่งทางน้ำขึ้นเป็น 20 ล้าน TEUSต่อปี ในระยะ 5-10 ปี นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายเปิดให้บริการขนส่งสินค้าด้วยเรือไม่ประจำเส้นทางในเส้นทางระหว่างประเทศได้ภายใน 4 ปีแรกของการจัดตั้งด้วย

ส่วนการจัดตั้งบริษัทลูก เพื่อเข้ามาลงทุนในสายการเดินเรือแห่งชาตินั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติ (...) การท่าเรือแห่งประเทศไทย ..2494 (5) ซึ่งตอนนี้ อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่าง ... ก่อนส่งให้ ครม. พิจารณาอีกครั้งต่อไป โดยสาระสำคัญของการแก้ไข ...ดังกล่าวในครั้งนี้ เพื่อให้กทท.สามารถเข้าไปลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง รวมทั้งการบริหารทรัพย์สินของ กทท.ด้วย

เชื่อมั่นว่าการจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติและการพัฒนากองเรือพาณิชย์ไทยจะเกิดขึ้นได้จริงในเร็ววันนี้ และสามารถพัฒนาเป็นสายการเดินเรือแห่งชาติที่มุ่งตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการขนส่งทางชายฝั่งและทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย มีมาตรฐานและสนับสนุนการพาณิชยนาวีของไทยสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ผ่านการจ้างงานในธุรกิจการเดินเรือและกำไรที่ได้จากผลประกอบการ ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางอ้อมไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น การต่อเรือ การประกันวินาศภัยทางทะเล เป็นต้น รวมถึงผลประโยชน์เชิงคุณภาพที่ไม่สามารถคิดเป็นตัวเงินได้อีกด้วยนายเกรียงไกร กล่าว