‘ศักดิ์สยาม’ เปิดหวูดรถไฟทางไกลปฐมฤกษ์วิ่งเข้า ‘สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์’ คาดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นวันละ 1 หมื่นคน ดันไทยฮับระบบรางอาเซียน
“ศักดิ์สยาม” เปิดหวูดให้บริการขบวนรถไฟทางไกล & ปล่อยขบวนรถไฟเที่ยวปฐมฤกษ์ ประเดิมรถไฟไทยวิ่งใช้“สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์” คาดผู้โดยสารใช้บริการเพิ่มขึ้นวันละ 1 หมื่นคน ดันไทยฮับระบบรางอาเซียน ลุยศึกษาพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบสถานีแปลง A & E ภายในปีนี้ พร้อมเข็นส่วนต่อขยาย “รังสิต–มธ.” ชง ครม. ช่วงต้น ก.พ. 66
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกล และปล่อยขบวนรถไฟเที่ยวปฐมฤกษ์ เส้นทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์–ที่หยุดรถมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) วันนี้ (19 ม.ค. 2566) ว่า กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ดำเนินการก่อสร้างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ศูนย์กลางการขนส่งระบบรางที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เพื่อเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทางทางรางทุกเส้นทาง และเป็นศูนย์กลางระบบรางในภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้ เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาล ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่มุ่งเน้นการสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพในด้านโครงข่ายคมนาคม เพื่อการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ โดยกระทรวงคมนาคม ได้แปรนโยบายดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบราง เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการให้มีมาตรฐานทัดเทียมในระดับนานาชาติ
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการดำเนินการก่อสร้างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งระบบรางที่สามารถเชื่อมโยงทุกจุดหมายทั่วประเทศ และเพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางแก่ประชาชน ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค. 2566 เป็นต้นไป ขบวนรถไฟทางไกลจะเปิดให้บริการ ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เพื่อลดภาระความแออัดการให้บริการของสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) และลดปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานครบริเวณจุดตัดทางรถไฟ รวมทั้งลดปัญหามลภาวะทางสิ่งแวดล้อม PM 2.5 และเพิ่มประสิทธิภาพการเดินรถไฟให้มีความตรงต่อเวลามากยิ่งขึ้น
โดยในลำดับแรกจะดำเนินการเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกล ณ บริเวณประตู 4 ชั้น 2 จำนวน 8 ชานชาลา รวม52 ขบวน แบ่งเป็น รถไฟสายเหนือ 14 ขบวน รถไฟสายใต้ 20 ขบวน และรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ 18 ขบวนโดยในวันนี้ (19 มกราคม 2566) มีขบวนรถไฟเข้า–ออก สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จำนวน 27 ขบวน แบ่งเป็น สายเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ขาออก จำนวน 10 ขบวน ขาเข้า จำนวน 7 ขบวน และรถไฟสายใต้ ขาเข้า จำนวน 1 ขบวน ขาออก จำนวน 9 ขบวน
ทั้งนี้ รฟท. คาดการณ์ว่า ภายหลังการเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกล จะส่งผลให้มีผู้ใช้บริการสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์เพิ่มขึ้นอีก 10,000 คนต่อวัน ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีมาตรการรองรับและมีความพร้อมในการให้บริการแก่ผู้โดยสารรถไฟทางไกล ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ทั้งป้ายบอกทาง จุดพักคอยผู้โดยสาร รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก โดยในวันนี้ได้เน้นย้ำเรื่องการขนถ่ายสัมภาระเพื่ออำนวยความสะดวก ประชาชนที่เดินทางโดยมีรถเข็น และได้เตรียมพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งมีการจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงการปรับที่นั่งที่พักคอยด้วย
ขณะเดียวกัน ได้จัดรถ Shuttle Bus ระหว่างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-หัวลำโพง ใน 2 เส้นทาง คือ เส้นทางแรกขึ้นทางด่วนและไม่จอดส่งระหว่างเส้นทาง ส่วนอีกเส้นทางเป็นเส้นทางตามสถานีระหว่างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์และสถานีหัวลำโพง ตั้งแต่เวลา 04.40-23.00 น. ผู้โดยสารสามารถใช้ตั๋วแสดงกับเจ้าหน้าที่ขสมก.ไม่เสียค่าบริการ เบื้องต้นจะจัดรถให้บริการประมาณ 1 ปี อีกทั้งเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ได้แก่ รถไฟชานเมืองสายสีแดงรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล ซึ่งในอนาคตจะมีการเชื่อมต่อการเดินทางทางอากาศผ่านระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน
สำหรับขบวนรถธรรมดา รถชานเมือง และขบวนรถนำเที่ยว จำนวน 62 ขบวน ยังคงให้บริการที่สถานีต้นทางและสถานีปลายทางที่สถานีหัวลำโพงตามเดิม โดยปัจจุบันสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เปิดให้บริการรถไฟชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ–ตลิ่งชัน) และรถไฟชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ–รังสิต) เพื่อยกระดับคุณภาพในการให้บริการของรถไฟชานเมือง ในการบริการขนส่งผู้โดยสารที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชานเมืองให้สามารถเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพมหานครได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งเชื่อมโยงการเดินทางไปยังทุกภูมิภาคทั่วประเทศด้วยการเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกล และในอนาคตเตรียมเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูง
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า มีแผนพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตามหลักการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) โดยพัฒนาเมืองควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมและการขนส่งทางรางของประเทศ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการอย่างบูรณาการ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ อยู่ระหว่างการดำเนินการของบริษัท เอสอาร์ที แอสเซท จำกัด (SRTA) หรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ของ รฟท. โดยเบื้องต้นเตรียมเปิดประมูลพื้นที่แปลง A และแปลง E ก่อน ซึ่งขณะที่เอกสารการประกวดราคา (TOR) แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่า จะเปิดประมูลได้ภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทญี่ปุ่น ด้านอสังหาริมทรัพย์จำนวนกว่า 18 บริษัท ได้สนใจลงทุนการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ และขณะนี้ SRTA ได้ร่วมกับองค์การพัฒนาและฟื้นฟูเมืองของญี่ปุ่น(UR) ว่าจ้างที่ปรึกษาในการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ คาดว่า ผลการศึกษาจะแล้วเสร็จไม่เกินสิ้นปี 2566
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ขณะที่ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีแดง (Missing Link) เส้นทางรังสิต–มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตนั้น รฟท. ได้นำเสนอเรื่องมายังกระทรวงคมนาคมแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในช่วงต้น ก.พ. 2566 มั่นใจว่าทันในรัฐบาลนี้แน่นอน ส่วนเส้นทางอื่นๆ ประกอบด้วย เส้นทางตลิ่งชัน–ศาลายา, เส้นทางตลิ่งชัน–ศิริราช, เส้นทางบางซื่อ–หัวหมาก และเส้นทางบางซื่อ–หัวลำโพง รฟท.อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลเพิ่มเติม