‘ศักดิ์สยาม’ ยินดี กทพ.ครบรอบ 50 ปี ชูหน่วยงาน ‘ผู้นำนวัตกรรมทางพิเศษ’ สั่งบูรณาการหน่วยงานอื่น-แก้ปัญหาสภาวะโลกร้อน

ศักดิ์สยามร่วมยินดี กทพ.ครบรอบ 50 ปี ชูหน่วยงานแห่งผู้นำนวัตกรรมทางพิเศษ เผยยอดผู้ใช้ทางด่วนวันละ 1.8 ล้านคัน อัปเดตใช้ M-Flow ประเดิม 3 ด่านเร็วๆ นี้ พร้อมเดินเครื่องทางด่วน @ภูเก็ต “กะทู้-ป่าตอง” สั่งบูรณาการหน่วยงานอื่น-ร่วมแก้ไขปัญหาสภาวะโลกร้อน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีงานวันคล้ายวันก่อตั้งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ครบรอบ 50 ปี วันนี้ (25 .. 2565) ว่า รัฐบาลภายใต้การบริหารงานของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โครงข่ายและบริการด้านคมนาคมขนส่งให้ครอบคลุมทุกมิติการเดินทาง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สร้างความกินดีอยู่ดีให้กับประชาชน

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้รับนโยบายดังกล่าวมาขับเคลื่อนเพื่อนำพาประเทศไทยสู่ความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน โดยได้มอบหมายให้ กทพ. แก้ไขปัญหาการจราจรในภาพรวมของกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล อำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน ซึ่งปัจจุบันมีรถจำนวนกว่า 1.8 ล้านคันต่อวัน ใช้บริการผ่านโครงข่ายทางพิเศษที่เปิดให้บริการรวม 225 กิโลเมตร (กม.)

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กทพ. ได้มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาให้บริการประชาชน ไม่ว่าจะเป็นระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติด้วยบัตร Easy Pass การพัฒนาศูนย์ควบคุมระบบจราจรอัจฉริยะ (ITS Center) การพัฒนาระบบ e-Service การจัดตั้งศูนย์บริหารการจราจรทางพิเศษ (Expressway Traffic Management Center)

ขณะเดียวกัน กทพ.เตรียมจะเปิดให้บริการระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม โดยบูรณาการร่วมกับกรมทางหลวง (ทล.) ให้เป็นไปในรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน จำนวน 3 ด่านแรกก่อน คือ ด่านจตุโชติ ด่านสุขาภิบาล 5-1 และด่านสุขาภิบาล 5-2 รวมถึงการขยายโครงข่ายทางพิเศษสายใหม่ คือ ทางพิเศษ (ทางด่วน) สายพระราม 3-ดาวคะนองวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร

นอกจากนี้ ยังมีทางด่วนสายฉลองรัชนครนายกสระบุรี รวมถึงโครงการทางพิเศษสายกะทู้ป่าตอง .ภูเก็ต ซึ่งถือเป็นโครงการทางพิเศษสายแรกในภูมิภาค นับเป็นการเปิดมิติใหม่ในการแก้ไขปัญหาจราจรที่ไม่ยึดติดเฉพาะในเมืองหลวงและปริมณฑล อีกทั้ง กทพ. ยังได้ดำเนินการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องอาทิ การมอบพื้นที่ใต้ทางพิเศษเพื่อสาธารณประโยชน์ การมอบทุนการศึกษาแก่เยาวชนที่อยู่ในชุมชนและโรงเรียนรอบเขตทางพิเศษ ตลอดจนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดต่าง อีกด้วย

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ได้มอบนโยบายเพิ่มเติมให้ กทพ. สร้างความท้าทายในการทำงานโดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติรวมถึงการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน โดยนำไปสู่การปฏิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรม และมีประสิทธิภาพโดยเร็ว นอกจากนี้ การดำเนินโครงการต่างๆ ต้องได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย โดยทำความเข้าใจต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของโครงการให้ชัดเจน เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น และการดำเนินงานต่างๆ ต้องเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ภายใต้ข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด