‘กทพ.-ตร.สอบสวนกลาง’ ร่วมมือเชื่อมโยงข้อมูล ‘ทางด่วน’ แบบเรียลไทม์ ป้องกันอาชญากรรม สร้างความมั่นคง-ปลอดภัยให้ ปชช.
“กทพ.” จับมือ “ตำรวจสอบสวนกลาง” เชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์–แลกเปลี่ยนข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพิ่มประสิทธิภาพ & ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สร้างความมั่นคง–ปลอดภัยให้ประชาชน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์และแลกเปลี่ยนข้อมูลในระบบสารสนเทศ ระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันนี้ (21 พ.ย. 2565) ว่า ความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นเป็นมิติใหม่ในการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ในการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนให้เกิดการบูรณาการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องแบบเรียลไทม์
ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยให้กับประชาชน เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีด้านความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงยกระดับการให้บริการประชาชนของทั้ง 2 หน่วยงาน เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศชาติ โดย กทพ. จะทำการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้ใช้ทางพิเศษและข้อมูลอื่นๆ จากฐานข้อมูลระบบจราจรอัจฉริยะที่มีอยู่ในระบบสารสนเทศ ได้แก่ ฐานข้อมูลระบบจราจรอัจฉริยะ (ITS Center) ฐานข้อมูลระบบ Data Exchange Center และฐานข้อมูลระบบ Automatic Lane Control
ขณะที่ บช.ก. จะจัดให้มีมาตรการในการปกป้องคุ้มครองข้อมูลดังกล่าวมิให้ถูกละเมิด เป็นไปตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนดว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์ข้อมูลอาชญากรรม เพิ่มประสิทธิภาพในการสืบสวนป้องกันปราบปรามอาชญากรรม อำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของสาธารณะ
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา กทพ. ได้มีการพัฒนาการให้บริการทางพิเศษแก่ผู้ใช้ทางมาโดยตลอด โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในการยกระดับการให้บริการ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดในการสัญจรบนทางพิเศษ ซึ่งเทคโนโลยีและระบบต่างๆ ที่ กทพ. ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เป็นเครื่องมือสำคัญในการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ที่จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องของ บช.ก. ได้ ซึ่งปัจจุบัน กทพ. มีปริมาณผู้ใช้ทางพิเศษเฉลี่ยมากถึง 1.8 ล้านคันต่อวัน
ด้านนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวว่า กทพ. มีความมุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการทางพิเศษแก่ผู้ใช้ทาง โดยมีแนวคิดในการนำเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงระบบต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงาน มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการทางพิเศษ เพื่อพัฒนาองค์กรให้สอดรับวิสัยทัศน์องค์กรนวัตกรรมเพื่อการเดินทางและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตามแผนวิสาหกิจปีงบประมาณ 2566-2570 ให้บรรลุเป้าหมายและใช้เป็นแนวทาง ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานขององค์กรเพื่อมุ่งไปสู่การเป็นทางพิเศษอัจฉริยะในอนาคตต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า บช.ก. เป็นหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ ด้านการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมที่มีความร้ายแรงและสลับชับซ้อน มีหน้าที่สำคัญในการรวบรวม วิเคราะห์และประมวลผลข้อมูล เพื่อใช้ในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย โดย บช.ก. ได้เตรียมความพร้อมเพื่อปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ Big Data
ทั้งนี้ เพื่อยกระดับศักยภาพด้านการสืบสวนสอบสวน เพิ่มความสามารถในการอำนวยความยุติธรรมและให้บริการประชาชน อย่างไรก็ตาม การจัดทำระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ Big Data นั้น มีความจำเป็นที่ต้องบูรณาการข้อมูลจากหลากหลายมิติ ซึ่งความร่วมมือดังกล่าว จะสร้างความสงบสุขของประเทศชาติ และยกระดับการให้บริการประชาชนของทั้ง 2 หน่วยงาน