“ศักดิ์สยาม” ขนทัพ “คมนาคมยูไนเต็ด” บูมโครงสร้างพื้นฐาน–ขนส่งครบทุกมิติ “บก–น้ำ–ราง–อากาศ” จ.สงขลาสั่งรับฟังความเห็น ปชช.ในพื้นที่ หวังเกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมจัดทำเช็คลิสต์ ขับเคลื่อนเบิกจ่ายงบปี 66
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการให้บริการด้านคมนาคมขนส่งในพื้นที่ จ.สงขลา วันนี้ (27 ส.ค. 2565) ว่า ตามนโยบายรัฐบาล ภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งอย่างครอบคลุมทุกมิติทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ
ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านโครงข่ายคมนาคมในการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ สร้างงาน สร้างรายได้ของคนในพื้นที่ รวมทั้งอำนวยความสะดวกด้านการคมนาคมขนส่ง และการแก้ไขปัญหาจราจร
สำหรับการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.สงขลาครั้งนี้ เพื่อติดตามความก้าวหน้าและเร่งรัดการดำเนินโครงการสำคัญของกระทรวงคมนาคม แบ่งเป็น มิติด้านการพัฒนาทางถนน ประกอบด้วย โครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เชื่อมระหว่าง อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา กับ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ความยาว 7,000 เมตร เชื่อมต่อถนนสายหลักระหว่างถนนเพชรเกษม (ทล.4) กับถนนทางหลวงหมายเลข 408 ช่วยลดระยะทางการเดินทางระหว่างจังหวัดจาก 80 กิโลเมตร(กม.) ให้เหลือประมาณ 7 กม.
อีกทั้งสามารถใช้เป็นเส้นทางอพยพประชาชนหากเกิดภัยพิบัติได้ รวมทั้งช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลา โดยปัจจุบันผ่านความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว มีกำหนดเริ่มก่อสร้างในปี 2566 และเปิดบริการในปี 2569
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมมีโครงการพัฒนาทางถนนสำคัญในพื้นที่ จ.สงขลา เช่น การพัฒนาโครงข่ายทางหลวงทล. 42 บ้านคลองแงะ–จุดผ่านแดนสุไหงโก–ลก ตอนบ้านโตนนท์–บ้านลำชิง ระยะทาง 10.72 กม. โดยขยายจาก 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร (ไปกลับข้างละ 2 ช่องจราจร) ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง มีความคืบหน้า 8.87% คาดว่า จะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ภายในปี 2567 รวมทั้งแผนพัฒนาโครงข่ายทางหลวงในอนาคตกว่า 113 กม.
ส่วนโครงข่ายทางหลวงชนบท เช่น ถนนสาย สข.4009 แยก ทล.4083-บ้านกระแสสินธุ์ จ.สงขลา สนับสุนนการท่องเที่ยวชายทะเลชายฝั่งตะวันตกของอ่าวไทย (Thailand Rivera) และบริเวณรอบทะเลสาบสงขลา กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2566 โครงการศึกษาความเหมาะสมและสำรวจออกแบบถนนเลี่ยงเมืองสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อเชื่อมต่อการขนส่งโลจิสติกส์ อำนวยความสะดวกการค้าการลงทุนการท่องเที่ยว
ขณะเดียวกัน กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการศึกษาแผนพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองร่วมกับระบบราง (MR-MAP) ที่ประกอบไปด้วยถนนมอเตอร์เวย์และทางรถไฟอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกัน เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางในพื้นที่ทุกภาคของประเทศไทย ส่งเสริมการขนส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง
ทั้งนี้ มีเส้นทางสำคัญผ่านพื้นที่ จ.สงขลา คือ MR 1 ช่วงเชียงราย–นราธิวาส พร้อมทั้งเดินหน้าพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท เชื่อมโยงสถานีขนส่งผู้โดยสารไปยังท่าอากาศยานหาดใหญ่ พื้นที่ตัวเมือง อำเภอต่างๆ และจังหวัดใกล้เคียง ให้มีความครอบคลุมเป็นโครงข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีในการบริการประชาชนเพื่อความสะดวก รวดเร็ว ทันสมัย
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ด้านมิติการพัฒนาระบบรางนั้น กระทรวงคมนาคมดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งทางรางเพื่อสนับสนุนการขนส่งทางรางที่มีความปลอดภัยให้เป็นระบบขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้าหลักของประเทศ
โดยมีแผนพัฒนารถไฟทางคู่ในพื้นที่ภาคใต้ มีเส้นทางในแผนระยะเร่งด่วน 7 เส้นทาง 993 กม. แผนระยะกลางที่อยู่ระหว่างเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี มีเส้นทางสำคัญผ่านพื้นที่ จ.สงขลา ได้แก่ 1.สุราษฎร์ธานี–หาดใหญ่–สงขลา ระยะทาง 339 กม. 2. หาดใหญ่–ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 48 กม.
ขณะที่ มิติการพัฒนาทางน้ำ โดยการพัฒนาทางน้ำในพื้นที่ จ.สงขลาที่สำคัญ เช่น ก่อสร้างเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง เพื่อพัฒนาและฟื้นฟูทะเลสาบสงขลาตอนล่าง ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2564 ที่ผ่านมา สามารถแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง รักษาวิถีชีวิตการประกอบอาชีพประมง และส่งเสริมการท่องเที่ยว
อีกทั้งโครงการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำชายฝั่งทะเล จำนวน 11 ร่องน้ำ เพื่อป้องกันการกัดเซาะ ลดปัญหาอุทกภัยระดับรุนแรง โดยมีแผนดำเนินการแล้วเสร็จ ก.ย. 2565 ด้่รโครงการในอนาคต เช่น โครงการขุดลอกร่องน้ำสงขลา(ร่องนอก) ซึ่งเป็นร่องน้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเป็นเส้นทางเดินเรือสินค้าเพื่อเข้าเทียบท่าท่าเรือสงขลา โดยอยู่ระหว่างจัดทำแบบ และการก่อสร้างขุดลอกร่องน้ำร่องกลางทะเลสาบสงขลาตอนล่าง
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า มิติการพัฒนาทางอากาศนั้น ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมได้เดินหน้าพัฒนาท่าอากาศยานหาดใหญ่ ซึ่งมีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร 2.5 ล้านคนต่อปี มีแผนการพัฒนา เช่น ขยายลานจอดรถก่อสร้างอาคารจอดรถ อาคารผู้โดยสาร อาคารคลังสินค้าหลังใหม่ รวมถึงระบบสาธารณูปโภค ปัจจุบันอยู่ระหว่างทบทวนแผนแม่บท กำหนดระยะเวลาโครงการ
อย่างไรก็ตาม ตนได้มอบนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมดำเนินงานก่อสร้างทุกโครงการ โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนเป็นลำดับแรก รวมทั้งความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และดำเนินการตามมาตรการและแนวปฏิบัติระยะยาวสำหรับโครงการก่อสร้างของกระทรวงคมนาคมทั้งหมด รวมถึงสอบถามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และความคิดเห็นขององค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การจัดทำโครงการและงบประมาณลงพื้นที่เกิดประโยชน์สูงสุด
นอกจากนี้ เน้นย้ำให้การดำเนินงานในทุกส่วน โดยเฉพาะกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด รวมถึงจัดทำ checklist เพื่อติดตามการขับเคลื่อนการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 2566 ให้เป็นไปตามแผนงานต่อไป และให้ใช้วิธีการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูล การดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมให้ทันสมัย และครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย