‘ขนส่งฯ’ กางแผน ‘ศูนย์ขนส่งสินค้าฯ’ 4 จังหวัด เตรียมสร้าง @นครพนม มูลค่า 1.3 พันล้าน ภายในปี 66

ขนส่งฯเดินเครื่องสร้างศูนย์ขนส่งสินค้าฯ” @นครพนม มูลค่า 1.3 พันล้าน เตรียมเวนคืน 121 ไร่ จ่อเสนอคมนาคมครม.” รับทราบ ..นี้ ก่อนลุยตอกเสาเข็มปี 66 สร้างเสร็จปี 68 พร้อมกางแผนศึกษาศูนย์ขนส่งฯ 3 จังหวัด ตามแผนแม่บทฯ คาดศึกษาเสร็จภายในปีนี้

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า .นครพนม วงเงินรวม 1,361 ล้านบาท พื้นที่รวม 121 ไร่ว่า ตามที่ ขบ.ได้ออกประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุน (PPP Net cross) นั้น ขณะนี้ ขบ.ได้จัดทำร่างสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนผู้ผ่านการยื่นข้อเสนอ และส่งร่างสัญญาต่อสำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบแล้วเสร็จ

ทั้งนี้ ปัจจุบันทราบว่าทางสำนักงานอัยการสูงสุดมีความคิดเห็นให้ปรับข้อมูลเล็กน้อย คาดว่าจะดำเนินการให้เรียบร้อยได้เร็วๆ นี้ โดยจะเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง หลังจากนั้นจะเสนอต่อกระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบภายใน .. 2565 ซึ่งคาดว่าจะลงนามสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนได้ภายในปี 2565

สำหรับเอกชนทั้งหมด 6 ราย ที่เข้าซื้อซองประมูลศูนย์ขนส่งนครพนม ประกอบด้วย 1.บริษัท ชาญนครวิศวกรรม จํากัด2.บริษัท วีอาร์ไพล์ จำกัด 3.บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด 4.บริษัท ไพโอเนียร์ โกลบอล ซัพพลายจำกัด 5.บริษัท อีสเทิร์นซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด และ 6.บริษัท สินธนโชติ จำกัด โดยมีบริษัทที่ยื่นข้อเสนอของโครงการฯ จำนวน 1 ราย คือ บริษัท สินธนโชติ จำกัด

นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า เมื่อลงนามสัญญาแล้วเสร็จ จากนั้นจะดำเนินการเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างโครงการฯระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยภาครัฐจะเป็นผู้เริ่มดำเนินการเตรียมพื้นที่เวนคืนที่ดินและระบบสาธารณูปโภค วงเงิน 685 ล้านบาท เพื่อเริ่มก่อสร้างภายในปี 2566 ก่อนที่ภาคเอกชนจะเข้ามาดำเนินการลงทุนก่อสร้างโครงการฯ เพิ่มเติมวงเงิน 676 ล้านบาท ประกอบด้วย อาคารคลังสินค้าและเครื่องมือการใช้งาน รวมทั้งการก่อสร้างอาคารที่ก่อให้เกิดรายได้ในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2568

ทั้งนี้ เอกชนที่เข้าร่วมลงทุนในโครงการศูนย์ขนส่งสินค้า .นครพนม จะต้องรับผิดชอบลงทุนค่าก่อสร้างในองค์ประกอบอาคารที่ก่อให้เกิดรายได้และเครื่องมือและอุปกรณ์ และเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของการดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการ (O&M) ในส่วนอาคารที่อยู่ในความรับผิดชอบของเอกชนและโครงสร้างพื้นฐานส่วนกลาง รวมทั้งเป็นผู้รับความเสี่ยงทางด้านรายได้ ตามรูปแบบการร่วมลงทุนแบบ PPP Net Cost ตลอดระยะเวลาโครงการ 30 ปีนับจากปีเปิดให้บริการ

นายจิรุตม์ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนความคืบหน้าแผนแม่บทโครงการศึกษาศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าในจังหวัดอื่นๆ เพิ่มเติม ทั้งหมด 3 จังหวัด ประกอบด้วย หนองคาย, สุราษฎร์ธานี และมุกดาหารนั้น เบื้องต้น โครงการศึกษาศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าจ.หนองคาย โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ให้ ขบ.ช่วยพิจารณาโครงการฯ เพราะเป็นศูนย์ขนส่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุด

ทั้งนี้ ขบ.มีนโยบายมอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นผู้ดำเนินการเพื่อดำเนินการเวนคืนที่ดินให้น้อยที่สุด เนื่องจาก รฟท.มีโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายขนส่งสินค้าบริเวณสถานีนาทา ซึ่งจะเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสินค้าและรองรับโครงการรถไฟความเร็วสูงไทยจีน รวมทั้งโครงการรถไฟลาวจีน ในอนาคตด้วย

ขณะที่แผนแม่บทโครงการศึกษาศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า .สุราษฎร์ธานี และ .มุกดาหาร ปัจจุบันสนข. อยู่ระหว่างทบทวนผลศึกษารายละเอียดความเหมาะสมของโครงการฯใหม่ ควบคู่กับการศึกษาในการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) เนื่องจากผลการศึกษาเดิม เป็นพื้นที่ที่ยังไม่ตอบโจทย์ในการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งทางราง ทำให้ต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้โครงการฯอยู่ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงระบบขนส่งทางรางมากที่สุด

ทั้งนี้ สาเหตุที่ ขบ.เลือกศึกษาพื้นที่บริเวณ .สุราษฎร์ธานี เนื่องจากเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางการผลิตและแหล่งวัตถุดิบในการขนส่งสินค้าทางภาคใต้ ซึ่งจากการประเมินถือเป็นแหล่งที่เหมาะสมที่สุดและเป็นศูนย์การขนส่งที่ใกล้จังหวัดอื่นๆ ด้วย ส่วนการเลือกศึกษาพื้นที่ .มุกดาหารนั้น เพราะเป็นจังหวัดที่เชื่อมต่อกับสะหวันเขต สปป.ลาว และเชื่อมต่อไปยังประเทศเวียดนามได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเร่งรัดศึกษาทั้ง 2 โครงการฯ ให้แล้วเสร็จภายในปี2565