‘ศักดิ์สยาม’ ลุกแจงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ปม ‘เขากระโดง-โอนหุ้น-เทงบลงบุรีรัมย์-MRMap’ ยันดำเนินการตามระเบียบ-หลักธรรมาภิบาล
“ศักดิ์สยาม” แจงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ปมเขากระโดง พร้อมเทงบโปรเจ็กต์สร้างถนน ทล. & ทช. ลงบุรีรัมย์ พ่วงทุ่ม 5.7 ล้านล้านผุด MR-Map ยันดำเนินการตามระเบียบ–หลักธรรมาภิบาล ด้าน “เลขาพรรค ภท.” ออกโรงยันโอนซื้อขายหุ้น “หจก.บุรีเจริญ” ทำธุรกรรมก่อนเลือกตั้ง สส.-นั่งเจ้ากระทรวงคมนาคม
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันนี้ (20 ก.ค. 2565) กรณีที่ดินเขากระโดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า ที่ผ่านมามีการอภิปรายฯ หลายครั้งแล้ว โดยเรื่องดังกล่าว อยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิกับศาลฯ และได้มอบหมายให้ รฟท. ไปดำเนินการตามระเบียบและหลักธรรมาภิบาลยืนยันว่า ตนเป็นเพียงผู้อาศัยในที่ดิน ซึ่งในขณะนั้นตนมีอายุเพียง 10 ปี ส่วนการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ
รฟท. ได้มีคำร้องไปยังศาลปกครองให้มีกระบวนการวินิจฉัย เพราะการฟ้องศาลปกครองกลางเพื่อให้มีคำสั่งเพิกถอนที่ดินได้ จะทำให้เกิดความสะดวก ไม่มีที่ดินตกหล่น ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล หากมีการอภิปรายอาจจะเป็นการละเมิดศาลได้”
นายศักดิ์สยาม กล่าว
ขณะที่ กรณีงบประมาณจัดสรรลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ มากผิดปกติ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ในแต่ละปี มีการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณทุกปี แต่ได้งบเพียง 1ใน 3 เท่านั้น ยืนยันทำตามกระบวนการและในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาจ.บุรีรัมย์ไม่ได้มีงบมากกว่าจังหวัดอื่น เช่น อยุธยา นครราชสีมา นครปฐม ฯลฯ
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นแผนแม่บทการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง(MR-Map) เป็นการซ้ำซ้อนโครงการรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ และมอเตอร์เวย์ ทำให้รัฐต้องแบกรับภาระเกิดหนี้สูงถึง 5.7 ล้านล้านบาท และเป็นการคัดเลือกเส้นทางเป็นเส้นทางที่เอื้อกับ จ.บุรีรัมย์ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า แผนดังกล่าว ดำเนินการเพื่อลดการลงทุนของภาครัฐ เปิดโอกาสให้เอกชนลงทุนในรูปแบบ PPP เพิ่มการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์
ส่วนกรณีการขายหุ้นของ หจก.บุรีเจริญ ที่ระบุว่า เป็นการซื้อขายปลอมไม่มีการชำระเงินจริง และเป็นนิติกรรมอำพราง เพื่อให้ได้ในประโยชน์ในการประมูลโครงการของกระทรวงคมนาคมนั้น ยืนยันว่า มีการซื้อขายจริงและมีหลักฐานเป็นเอกสารชำระเงินเรียบร้อย
ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์โอนเงินของนายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ ให้กับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2560 ถึงต้นปี 2561 จำนวน 3 ครั้ง และต่อมาจึงมีการโอนหุ้นกันเรียบร้อย โดยเป็นเอกสารรับรองการทำธุรกรรมทางการเงินของธนาคารธนชาติ
ทั้งนี้ เหตุการณ์ธุรกรรมทางการเงินดังกล่าว มีการทำธุรกรรมการโอนเงินตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และก่อนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในวันที่ 5 พ.ค. 2562 จึงน่าจะตั้งคำถามว่า ข้อมูลการนำมาอภิปรายครั้งนี้เป็นการทำผิดประมวลจริยธรรมหรือไม่ เพราะไม่แสดงหลักฐานในการอภิปรายให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน
ส่วนรายงานข่าวจากกรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ชี้แจงประเด็นการจัดสรรงบประมาณกระจุกตัวที่ จ.บุรีรัมย์ และมีการเอื้อประโยชน์ผู้รับเหมาบางรายว่า เรื่องดังกล่าว ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยกระทรวงคมนาคมมีหลักการในการของบประมาณโดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ความพร้อมในการก่อสร้างความสำคัญของโครงข่าย การกระจายตัวของงบประมาณ ความต้องการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด
ความต้องการของประชาชนในพื้นที่ การแก้ไขปัญหาที่ได้รับข้อร้องเรียนและข้อเสนอแนะ
ขณะเดียวกัน ทล. และ ทช. มีการจัดงบประมาณกระจายอย่างทั่วถึง ไม่ได้เน้นพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นพิเศษ ซึ่งการเสนอขอรับจัดสรรงบลงทุนในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา จังหวัดที่ขอรับงบประมาณสูงก็ยังคงเป็นจังหวัดใหญ่ เช่น นครราชสีมาและนครปฐม เป็นต้น โดยในช่วงปี 2563-2565 จ.บุรีรัมย์ได้รับงบประมาณเฉลี่ยจำนวน 4,016 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดนครราชสีมาแล้ว ได้รับการจัดสรรงบประมาณเฉลี่ย 8,211 ล้านบาท อีกทั้ง การจัดซื้อจัดจ้างในจังหวัดบุรีรัมย์ใช้การประกวดราคาด้วยวิธี e-Bidding ผู้ประกอบการต้องซื้อเอกสารประกวดราคา และยื่นเสนอราคา ผ่านระบบ e-GP ของกรมบัญชีกลาง มีความโปร่งใส และมีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม
ขณะที่รายงานข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เผยถึงข้อเท็จจริงการพัฒนาแผนพัฒนาโครงข่ายตามแผนแม่บท MR–Map ว่า กรอบแนวคิดในการจัดทำแผนแม่บท MR-Map ของกระทรวงคมนาคม ซึ่งมีการวางกรอบไว้ 3 แนวทาง คือ 1.แก้ปัญหาของประเทศในระบบคมนาคมขนส่งที่มีมาในอดีต 2.สร้างโอกาสสร้างโครงสร้างพื้นฐานอย่างเป็นระบบเชื่อมภูมิภาคในอนาคต และ 3.เป็นการวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกต้องแก่ประเทศไทยอย่างเป็นระบบ
โดยแผนแม่บท MR-Map นั้นเป็นการวางแผนพัฒนาโครงข่ายคมนาคมของประเทศ จะพัฒนาตามดีมานด์ที่เกิดขึ้นโดยจะต้องวางแผนพร้อมกัน เพื่อจะได้ลดความซ้ำซ้อนของโครงการ แต่ไม่จำเป็นต้องก่อสร้างพร้อมกัน ซึ่งจะเน้นให้ลดการลงทุนของภาครัฐให้เหลือแต่เฉพาะค่าเวนคืนที่ดิน และเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนพัฒนาเส้นทางถนนมอเตอร์เวย์ พัฒนาเส้นทางรถไฟ และพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบๆ โครงการฯ ทั้งนี้ รูปแบบการใช้เขตทางของรูปแบบการขนส่งทางรางและถนนนั้นมีการดำเนินการทั่วไปในต่างประเทศที่พัฒนาแล้ว อาทิ สหรัฐอเมริกา อังกฤษแคนาดา และเยอรมัน ซึ่งก็ได้มีการวางโครงข่ายทางรถไฟและมอเตอร์เวย์อยู่ด้วยกันเป็นเรื่องปกติ
ด้าน รฟท. ระบุถึงประเด็นเกี่ยวข้องบริเวณที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ว่า รฟท.ไม่ได้มีการละเว้น หรือเจตนาที่จะทำให้กระบวนการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินมีความล่าช้า แต่เนื่องจากปัญหาข้อพิพาทที่ดินบริเวณเขากระโดง เกิดขึ้นจากกระบวนการสำรวจ และออกเอกสารสิทธิ์ที่คลาดเคลื่อนในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งตลอดเวลา รฟท.ได้เสาะหาข้อเท็จจริงมาตลอด และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเสร็จสิ้นแล้ว โดยแยกตามเอกสารสิทธิ์เป็น สค. 1 และ นส.3 ก. ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาว่าพื้นที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่าง คณะทำงานดำเนินการกับผู้บุกรุกที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย เจรจาจัดทำสัญญาเช่าให้ถูกต้องตามระเบียบ
นอกจากนี้ ในส่วนที่ ป.ป.ช. มีมติให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดงที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายและกรมที่ดินส่งเรื่องให้การรถไฟฯ ยื่นฟ้องคดีต่อศาลเพื่อให้เพิกถอนโฉนด ซึ่ง รฟท. ได้รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ ต่อสู้คดีที่ประชาชนฟ้อง รฟท. จนกระทั่งศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อปี 2561 ในคดีที่ประชาชนฟ้อง รฟท. ให้ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของ รฟท.
โดยได้นำแนวทางดังกล่าวมาดำเนินการขอเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ตามที่ ป.ป.ช. มีมติให้เพิกถอน และรายอื่นๆ นอกเหนือจากที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาไปแล้ว รฟท.จึงมีความจำเป็นที่ต้องยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลาง โดยขณะนี้ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล และทุกฝ่ายต้องให้ความเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาจนถึงที่สุด