รฟท.ระดมสมองพนักงาน จัดงาน “Change to the Future” ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอนาคตใหม่รถไฟไทย” เร่งพัฒนาบุคลากร หวังแก้ปัญหาหนี้สะสม พร้อมเปลี่ยนผ่านระบบการเดินรถจากดีเซลสู่ระบบไฟฟ้า
นายวรวุฒิ มาลา รักษาการ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. เปิดเผยภายในงาน “Change to the Future ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอนาคตใหม่รถไฟไทย” ว่า ตนต้องการให้พนักงานรถไฟทราบสถาน การณ์ปัจจุบันของการรถไฟฯ และเน้นย้ำถึงความจำเป็นของการมีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์กรทุกด้าน รวมถึงจะต้องมีการปรับเปลี่ยนการทำงานให้มีความคล่องตัวและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากขึ้น ซึ่งหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงและการทำงานภาครัฐคงต้องขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในองค์กรแน่นอน โดยจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบุคคลเข้ามาทำงานด้านระบบรางแทนคนรถไฟปัจจุบันจึงมองว่าจะไม่ดีต่อคนรถไฟแน่นอน ขณะที่การดำเนินการตามผลประกอบการจากการประมาณการณ์ปี 2562 พบว่า การรถไฟฯ มีหนี้และขาดทุนสะสมกว่า 140,000 ล้านบาท และหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงการเพิ่มรายได้และค่าใช้จ่ายจะส่งผลให้ในปี 2566 การรถไฟฯจะมีหนี้และขาดทุนสะสมเกือบ 200,000 ล้านบาท ที่จะส่งผลกระทบต่อรายได้และสวัสดิการของพนักงานรถไฟ
ทั้งนี้ การรถไฟฯ จึงจำเป็นต้องเร่งเพิ่มและพัฒนาบุคลากรให้ทันเทคโนโลยีระบบรางที่จะเข้ามา จะต้องมีการปรับตัวเพื่อรองรับการทำงานระบบรถไฟรูปแบบใหม่ที่จะถูกนำมาใช้ในประเทศ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการใช้เงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบรางจำนวนมาก เช่น โครงการรถไฟทางคู่ระยะแรกวงเงินประมาณ 100,000 ล้านบาท, โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงวงเงินประมาณ 100,000 ล้านบาท ที่กำลังเตรียมเปิดให้บริการต้นปี 2564 และโครงการรถไฟความเร็วสูงประมาณ 170,000 ล้านบาท และโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่จำนวน 11 โครงการระยะทางกว่า 1,681 กิโล เมตร ที่จะแล้วเสร็จในปี 2566 รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง ซึ่งปี 2572 จะมีรถไฟความเร็วสูงเสร็จรวม 5 โครงการ รวมระยะทาง 1,274 กิโลเมตร วงเงินลงทุนรวม 232,411 ล้านบาท ได้แก่ เส้นทางอู่ตะเภา-ระยอง, เส้นทางกรุงเทพฯ-พิษณุโลก, เส้นทางนครราชสีมา-หนองคาย, เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน และเส้นทางพิษณุโลก-เชียงใหม่
สำหรับแผนการดำเนินงานของการรถไฟฯ นั้นที่ผ่านมารถไฟยอมรับว่าไม่สามารถแข่งขันกับตลาดสายการบินต้นทุนต่ำ (Low cost) ได้ แต่ในปัจุบันและในอนาคตข้างหน้า การรถไฟฯ จึงมุ่งเป้ามาทางการแข่งขันกับตลาดรถตู้ระหว่างจังหวัดมากกว่าในะระยะทาง 200-300 กิโลเมตร โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีผู้โดยสารสูง เช่น นครราชสีมา, พิษณุโลก, ชุมพร เป็นต้น รวมถึงในอนาคตรถไฟจะต้องมีการปรับเปลี่ยนการเดินรถไฟขับเคลื่อนดีเซลรางเป็นระบบรถไฟฟ้า จึงจะทำให้มีการเดินรถได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ฝ่ายการตลาดรถไฟฯ ในปีนี้ จะเร่งเจาะกลุ่มตลาดใหม่ คือ กลุ่มผู้สูงอายุ และเน้นการเจาะตลาดกลุ่มทัวร์ต่างๆ ที่ในขณะนี้ลดน้อยลง เนื่องจากมีกลุ่มตลาดรถทัวร์เป็นคู่แข่ง
นอกจากนี้ กำลังก้าวสู่อนาคตใหม่ขององค์กรสู่การเปลี่ยนผ่านไปยังกิจการใหม่ที่ยั่งยืนทั้งรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูงและการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์แปลงงามอย่างมูลค่าหลายแสนล้านบาท สถานีแม่น้ำและสถานีกลางบางซื่อ อย่างไรก็ตามคาดการณ์รายได้ปีนี้ของรฟท.จะอยู่ที่ 9.76 พันล้านบาท และมีรายจ่าย 1.71 หมื่นล้านบาท เมื่อมารวมกับรายจ่ายเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้แล้วจะมียอดขาดทุนในปีนี้รวม 2.18 หมื่นล้านบาท ในวันนี้รัฐบาลได้วางโครงสร้างพื้นฐานระบบรางไว้แล้วเมื่อก่อสร้างเสร็จพร้อมเปิดใช้แล้วมั่นใจว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาขาดทุนได้ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถหยุดขาดทุนและตัวเลขหลังหักค่าใช้จ่าย (Ebitda) กลับมาเป็นบวกอีกครั้ง หรือมีกำไรจากผลประกอบการในปี 2565-2566
นายวรวุฒิ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์นั้น ในเดือนนี้จะเสนอขอความเห็นชอบโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์สถานีกลางบางซื่อนั้นจะเริ่มจากแปลงเอ พื้นที่ 32 ไร่วงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท คาดว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. จะพิจารณาได้ภายในเดือนนี้ ก่อนเปิดประมูลต่อไป นอกจากนี้ในปี 2562 จะทยอยเสนอโครงการและเปิดประมูลพื้นที่แปลงบี 78 ไร่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของสถานีกลางบางซื่อ และแปลงซี 105ไร่ ตั้งอยู่บริเวณขนส่งหมอชิต ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงต่อไป