‘ศักดิ์สยาม’ อัปเดต MR-Map ประเดิมนำร่อง 3 เส้นทาง สั่งจัด Road Show ทั้งใน-ต่างประเทศ หวังดึงความสนใจนักลงทุน
“ศักดิ์สยาม” อัปเดตแผนพัฒนาโครงข่าย MR–Map 10 เส้นทาง “มอเตอร์เวย์–ระบบราง” รวม 4,321 กม. ลุยนำร่อง 3 เส้นทาง แนะพิจารณาใช้พื้นที่คุ้มค่า–ลดผลกระทบ ปชช.-สะดวก–รวดเร็ว สั่งจัด Road Show “แลนด์บริดจ์” ชุมพร–ระนอง ดึงความสนใจนักลงทุน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการขับเคลื่อนการศึกษาแผนพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง (MR-Map) ว่า ปัจจุบันกรมทางหลวง (ทล.) ได้จัดทำร่างแผนแม่บทการพัฒนาโครงข่าย MR-Map แล้วเสร็จ 10 เส้นทาง โดยมีปรับแนวเส้นทางบางช่วงทำให้มีระยะทางรวมประมาณ 7,003 กิโลเมตร (กม.)
ทั้งนี้ มีเส้นทางที่พัฒนาเป็นมอเตอร์เวย์ร่วมกับระบบรางมีระยะทางทั้งหมด 4,321 กม. แบ่งเป็นแนวเหนือ–ใต้ จำนวน3 เส้นทาง แนวตะวันออก–ตะวันตก จำนวน 6 เส้นทาง และวงแหวนรอบกรุงเทพมหานครรอบที่ 3 จำนวน 1 เส้นทาง
สำหรับผลการดำเนินงานในโครงการนำร่องฯ จำนวน 3 เส้นทาง ได้แก่
- เส้นทาง MR2 กรุงเทพฯ/ชลบุรี (แหลมฉบัง)-หนองคาย (ด่านหนองคาย) ช่วงนครราชสีมา–แหลมฉบัง
- เส้นทาง MR5 กาญจนบุรี (ด่านเจดีย์สามองค์)-อุบลราชธานี (สะพานมิตรภาพแห่งที่ 6) ช่วงนครราชสีมา–อุบลราชธานี
- เส้นทาง MR8 ชุมพร–ระนอง
โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบเส้นทางเบื้องต้น และได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็น โดยผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการพัฒนาโครงการโดยบูรณาการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองร่วมกับระบบราง แต่ยังมีข้อกังวลในประเด็นต่างๆ ได้แก่
1.โครงข่ายแนวเส้นทางควรหลีกเลี่ยงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและพื้นที่ชุมชนเมืองให้มากที่สุด โดยควรพิจารณาให้รอบคอบเรื่องการเวนคืนพื้นที่พร้อมกันทั้งมอเตอร์เวย์และระบบราง และความเป็นไปได้ทางกฎหมายร่วมด้วย และการจัดลำดับความสำคัญของแผนแม่บท เพื่อเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนและประชาชน
2.ประเด็นการออกแบบแนวเส้นทาง โดยในการออกแบบมอเตอร์เวย์ควรมีถนนบริการและจุดกลับรถในพื้นที่ที่ผ่านชุมชน เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการเข้า–ออกพื้นที่ ควรมีการออกแบบเป็นทางยกระดับในพื้นที่ที่ต้องผ่านชุมชนหรือพื้นที่ที่เป็นที่ราบลุ่มต่ำ และสิ่งสำคัญในการออกแบบ จะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อพื้นที่ระบายน้ำ/พื้นที่น้ำท่วม อีกทั้งขอให้พิจารณาการใช้เขตทางให้เหมาะสมทั้งมอเตอร์เวย์และทางรถไฟ
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ตนได้มีข้อสั่งการเน้นย้ำการใช้พื้นที่ให้คุ้มค่า ลดผลกระทบกับประชาชน และเส้นทางที่ออกแบบจะต้องสั้นและตัดตรง ซึ่งจะต้องพิจารณาการใช้โครงสร้างอุโมงค์และสะพานบก เพื่อทำให้เส้นทางมีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้รอบด้าน
ทั้งนี้ โครงการที่จะเป็นโครงการนำร่องทั้ง 3 เส้นทาง ทล. จะต้องดำเนินการออกแบบในขั้นการออกแบบกรอบรายละเอียด (Definitive Design) ให้แล้วเสร็จเพื่อที่จะสามารถกำหนดกรอบวงเงินการลงทุนที่ชัดเจน ที่สามารถใช้ประกอบกับเอกสารเชิญชวนผู้รับจ้าง เพื่อที่จะผลักดันโครงการให้เป็นรูปธรรมต่อไป
นอกจากนี้ ให้เน้นการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เช่น การสร้างความรับรู้ของประชาชน การทำ Roadshow ของโครงการทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเส้นทาง MR8 หรือแลนด์บริดจ์ (Land Bridge) เส้นทางชุมพร–ระนอง เพื่อดึงดูดความสนใจของนักลงทุนต่อไป