‘คมนาคม-เอกชน’ ประชุมร่วมวางแผนเชื่อมโยงทางรถไฟ ‘ไทย-ลาว-จีน’ ผนึกกำลัง Team Thailand นัดหารือทุกเดือน
“คมนาคม” ประชุมสร้างความเข้าใจร่วม “ภาคเอกชน” อัปเดตโปรเจ็กต์คมนาคม–แผนเร่งด่วน–แผนระยะยาวรองรับการเชื่อมโยงทางรถไฟ “ไทย–ลาว–จีน” ฟากเอกชนเปิดข้อเสนอ พร้อมร่วม Team Thailand ด้าน “ศักดิ์สยาม” สั่ง รฟท. จัดทำ Action Plan พ่วงตั้งคณะกรรมการร่วมฯ นัดประชุมทุกเดือน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมสร้างความเข้าใจร่วมกับภาคเอกชนต่อการดำเนินการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน วันนี้ (9 ก.พ. 2565) ว่า กระทรวงคมนาคมได้ตระหนักถึงความสำคัญของโครงการเชื่อมโยงโครงข่ายทางรถไฟ ไทย ลาว และจีน เพื่อรองรับการเดินทางและขนส่งระหว่างประเทศ และเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนา ในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาคที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการบูรณาการอย่างรอบด้าน กระทรวงคมนาคมจึงได้จัดการประชุมสร้างความเข้าใจร่วมกับภาคเอกชนต่อการดำเนินการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน เพื่อรับฟังความเห็นของภาคเอกชน เพื่อเป็นTeam Thailand ร่วมกับภาครัฐของไทย ในการจัดทำแผนเชื่อมโยงระหว่างสามประเทศทั้ง ไทย ลาว และจีนให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทย
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีนนั้น ประกอบด้วย
- โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น–หนองคาย ปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใน ก.พ. 2565 คาดว่าเปิดให้บริการในปี 2569
- การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ใกล้กับสะพานเดิมที่มีอยู่แล้ว ซึ่งห่างประมาณ 30 เมตร โดยมีทั้งทางรถไฟขนาดมาตรฐาน และทางขนาด 1 เมตร ซึ่งปัจจุบันได้ข้อตกลงว่าฝ่ายไทยและลาวจะร่วมลงทุนค่าใช้จ่ายร่วมกันในอาณาเขตของแต่ละฝ่าย โดยกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างดำเนินการของบกลางเพื่อออกแบบสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 และเร่งดำเนินการก่อสร้าง
- การเพิ่มรถไฟจาก 4 ขบวนต่อวันเป็น 14 ขบวนต่อวัน และจากขบวนละ 12 แคร่ เป็น 25 แคร่ ซึ่งจะมีศักยภาพการขนส่งเพิ่มขึ้นประมาณ 8 เท่า
- ในระยะเร่งด่วน จะพัฒนาสถานีรถไฟหนองคายให้รองรับการขนส่งผ่านสะพานเดิม โดยมีพื้นที่ประมาณ 80 ไร่ ให้เป็นพื้นที่ตรวจปล่อยสินค้าระหว่างประเทศ โดยจะมีเครื่องโมบายเอกซเรย์ ติดตั้งอยู่ในพื้นที่สถานีหนองคาย โดยให้เอกชนเช่าบริหารจัดการพื้นที่ 4 แปลง อีก 1 แปลงเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ปัจจุบันอยู่ระหว่างประกาศหาเอกชนใน ก.พ. 2565
- ในระยะยาว จะมีการพัฒนาพื้นที่ย่านนาทา จ.หนองคาย ให้สามารถรองรับการขนส่งจากจีนและลาว และส่งออกไปยังลาวและจีน โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะเร่งกระบวนการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public Private Partnership หรือ PPP) ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ให้แล้วเสร็จในปี 2565 และก่อสร้างใช้เวลาประมาณ 2 ปี
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ในการประชุมครั้งนี้ ภาคเอกชนได้แสดงความเห็นต่อที่ประชุม กล่าวคือ ปัจจุบันรถไฟลาว–จีน สามารถรองรับ 30 ขบวนต่อวัน โดยให้กระทรวงคมนาคมปรับแผนรองรับจำนวนการขนส่งให้มีปริมาณมากขึ้น และเร่งรัดการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น–หนองคาย รวมถึงสถานีนาทาในแผนระยะเร่งด่วน พร้อมเสนอให้มีการเปิดด่าน 24 ชั่วโมง และให้บูรณาการร่วมกันระหว่างสถานีนาทา และท่านาแล้ง
นอกจากนี้ ยังเสนอให้ออกแบบสะพานรถไฟให้สามารถรองรับการใช้งานของรถไฟ และรถยนต์ เพื่อใช้ควบคู่กัน และพิจารณาก่อสร้างสถานีสำหรับขนถ่ายสินค้าและผู้โดยสารที่สถานีหนองคายเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและสินค้าด้วยรวมถึงเสนอให้ รฟท. เตรียมพื้นที่สำหรับการรองรับการขนส่งสินค้าเกษตรที่เป็นผักและผลไม้ อีกทั้งการจัดเตรียมระบบโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold – Chain) เพื่อรองรับสินค้าเกษตร
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า เสนอให้มีการกำหนดจุดตรวจร่วมพิธีทางศุลกากร (CCA) และพิจารณาเพิ่มจุดผ่อนปรนบริเวณพื้นที่ชายแดน โดยให้กระทรวงคมนาคมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป ขณะที่ในปัจจุบันค่าขนส่งสินค้าทางรางจากจีนมาไทยพบว่ามีค่าระวางที่ไม่สูง แต่กรณีการขนส่งสินค้าจากไทยไปจีน ยังมีค่าระวางที่สูง โดยให้ รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งพิจารณาจัดทำแผนการเชื่อมโยงผ่านลาว และจีนไปยังเอเชียกลาง ยุโรป และเส้นทางในบริเวณทางใต้ของประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการขนส่ง
อีกทั้งให้พิจารณาเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าผ่านระบบรางมายังกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบังด้วย รวมถึงพิจารณาปรับปรุงมาตรฐานด้านสัญญาการขนส่งทางรถไฟ และปรับปรุงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและให้ภาคเอกชนมามีส่วนร่วมในการเดินรถไฟร่วมกับ รฟท. อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนยินดีร่วมเป็น Team Thailand ร่วมกับภาครัฐของไทยในการจัดทำแผนเชื่อมโยงระหว่างสามประเทศทั้ง ไทย ลาว และจีนให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ตนยังได้สั่งการในที่ประชุมให้รับความเห็นของภาคเอกชนไปดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ประโยชน์ในการจัดทำแผนเชื่อมโยงระหว่างสามประเทศทั้งไทย ลาว และจีน รวมถึงได้สั่งการให้ รฟท. จัดทำ Action Plan สำหรับดำเนินการจัดทำลานกองเก็บตู้สินค้า (CY) และเตรียมแคร่สำหรับ Cold – Chain พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกับภาคเอกชน เพื่อให้ภาครัฐได้รับทราบความต้องการของภาคเอกชน โดยจะให้มีการประชุมร่วมกันทุกเดือน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทยต่อไป