‘ศักดิ์สยาม’ สั่งการรถไฟฯ ทบทวนแผนหยุดให้บริการเดินรถเข้า ‘หัวลำโพง’ เล็งเปิดเวทีสาธารณะ ยันพร้อมรับฟังทุกความเห็น

ศักดิ์สยามสั่งการรถไฟฯ ทบทวนแผนหยุดให้บริการเดินรถเข้าหัวลำโพง ปรับรูปแบบสอดรับความต้องการประชาชน พร้อมจัดเวทีสาธารณะรับฟังทุกความเห็น ก่อนหาข้อยุติ เผยกล้าตัดสินใจพัฒนาประเทศ ชี้ประวัติศาสตร์โลกสมัยใหม่ต้องเดินหน้าไปด้วยกัน ลั่น! ความในใจอยากแก้จราจรแก้หนี้กว่า 6 แสนล้าน หัวกลับสู่เสือตัวที่ 5

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีการว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีการพิจารณาหยุดให้บริการรถไฟเข้าสถานีหัวลำโพง พร้อมพัฒนาพื้นที่เป็นศูนย์คมนาคมกลางเมืองว่า ได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทบทวนข้อมูลแผนการเดินรถให้รอบด้าน โดยพิจารณาให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งมิติการบริหารจราจร และมิติการให้บริการประชาชน โดยพิจารณาการปรับรูปแบบ และจำนวนรถไฟให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนรวมถึงความเป็นไปได้ในการปรับให้ขบวนรถไฟวิ่งนอกชั่วโมงเร่งด่วน เป็นต้น

นอกจากนี้ ได้มอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเวทีสาธารณะชี้แจงและรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน และจัดทำข้อมูลให้ชัดเจนในประเด็นดังกล่าว เพื่อหาข้อยุติและแก้ปัญหาให้ได้ทุกมิติ รวมถึงมาตรการเยียวยาต่างๆ รวมถึงการให้ข้อมูลด้านการพัฒนาหัวลำโพงให้เห็นภาพรวมทุกประเด็น ทั้งการอนุรักษ์อาคาร และการพัฒนาเชิงพาณิชย์ รวมถึงการบริหารสถานีกลางบางซื่อ โดยให้พิจารณาข้อมูลการศึกษาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และเน้นการทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า รฟท. อยู่ระหว่างการประชุมหารือ โดยได้มีการตั้งบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ในการดำเนินการบริหารที่ดินของการการรถไฟฯ ทุกแปลง หลังจากกระทรวงคมนาคม พิจารณาข้อมูลของการรถไฟฯ พบว่ามีการขาดทุนสะสมต่อเนื่อง หรืออยู่ที่ประมาณ 1.5-1.6 แสนล้าน ขณะที่ตัวเลขจากกระทรวงการคลังจะอยู่ที่ประมาณเกือบ 6 แสนล้าน (หนี้ที่เกิดขึ้นจริง) จึงถือเป็นโจทย์สำคัญที่กระทรวงคมนาคมจะต้องแก้ไขปัญหาหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่อไป

ทั้งนี้ ในปัจจุบันทางการรถไฟฯ มีภาระในเรื่องของการบริหารที่มาการขาดทุนสะสมมานาน ซึ่งจากการบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ประเมินรายได้ขั้นต่ำสุดใช้ระยะเวลาประมาณ 30 ปี จะมีรายได้เข้ามารวมระยะเวลาบริหารจัดการประมาณ 800,000 ล้านบาท โดยในปีแรกจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท และปีที่ 5 จะขึ้นอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท

แนวทางการพัฒนาดังกล่าว ไม่ได้เริ่มต้นในยุคสมัยของผม ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เล็งเห็นเรื่องนี้และได้มีการดำเนินการในการจัดตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์ ซึ่งสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ขณะนี้ในการดำเนินการขณะนี้ได้มีการนำข้อมูลสินทรัพย์ของการรถไฟฯ ที่สามารถจะสร้างรายได้ให้การรถไฟฯ เนื่องจากการรถไฟฯ มีที่ดินมากมายแปลงใหญ่ และมีศักยภาพสามารถที่จะพัฒนาและสร้างรายได้ เช่น สถานีกรุงธนบุรี,สถานีกลางบางซื่อ,ที่ดินบริเวณอาร์ซีเอ, สถานีแม่น้ำ และที่ดินบริเวณสถานีหัวลำโพง ซึ่งเป็นเรื่องการวางแผนที่ต้องดำเนินการ ไม่ใช่ว่าจะปิดพรุ่งนี้ เรื่องนี้มีการพูดคุยกันมานานแล้วนายศักดิ์สยาม กล่าว

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาเรื่องการเดินรถไฟฯ เข้ามาในกลางเมืองนั้น ทางรัฐบาลได้เล็งเห็นเรื่องดังกล่าว มานานแล้ว จึงได้ดำเนินการสร้างโครงการสถานีกลางบางซื่อขึ้น เพื่อให้เป็นศูนย์กลางระบบคมนาคม โดยเฉพาะระบบราง ประกอบด้วย รถไฟฟ้าสายสีแดง, รถไฟทางไกล, รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และรถไฟความเร็วสูงไทยจีน รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยายในอนาคต ขณะเดียวกัน อีกปัญหาหนึ่งของกรุงเทพมหานคร (กทม.) คือ ปัญหาการจราจร เนื่องจากจุดตัดทางถนนกับทางรถไฟ ประกอบกับเมื่อได้ก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อแล้วนั้น จึงมองว่า ควรมีการปรับการเดินรถเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพฯ อย่างมีผลเป็นรูปธรรม

วันนี้ได้รับทราบข้อมูลจากสื่อต่างๆ ที่แสดงความเห็น รวมถึงทุกภาคส่วนที่เป็นกังวลเรื่องนี้ว่า จะกระทบต่อประชาชนที่ใช้บริการสถานีหัวลำโพงในการเดินทางเข้ามาออกไปหรือไม่นั้ร ขณะนี้กระทรวงคมนาคม และ รฟท.ได้บูรณาการร่วมกัน มีการสร้างระบบขนส่งมวลชนรอง (ฟีดเดอร์) เช่น ขสมก.ที่จะเดินทางจากหัวลำโพงไปยังสถานีกลางบางซื่อในขณะเดียวกันได้ประสานงานกับภาคเอกชนที่มีสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ว่าจะมีแนวมางอีกหนึ่งทางเลอกในการเชื่อมการเดินทางได้นายศักดิ์สยาม กล่าว

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ปัญหาหลัก คือ การใช้ประโยชย์จากสถานีกลางบางซื่อที่ได้ลงทุนก่อสร้างมูลค่าถึง 3 หมื่นกว่าล้านบาท ในขณะเดียวกัน ปัญหาการจราจรเป็นปัญหาใหญ่ของกรุงเทพฯ ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นก็จะมีการพิจารณายืนยันว่ากระทรวงคมนาคมและรัฐบาลจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งจะต้องหาวิธีการที่เหมาะสม พร้อมทั้งเปรียบเทียบข้อมูลทั้งหมด ที่สำคัญ คือ การพัฒนาประเทศ หากยังไม่สามารถหาตัวแบบที่จะอยู่ร่วมกันได้ ระหว่างสิ่งที่เป็นประวัติศาสตร์กับโลกสมัยใหม่ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาประเทศ จำส่งผลให้เสียโอกาส ดั่งเช่นในอดีตประเทศไทยเคยเป็น 1 ใน 5 เสือในทวีปเอเชีย ซึ่งในวันนี้หลายประเทศนำหน้าประเทศไทย เพราะยังไม่กล้าตัดสินใจ

อย่างไรก็ตาม จะต้องรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่าย และประเมินว่าอะไรที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ และเรื่องใดที่จะต้องดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ ในปัจจุบันมี 118 ขบวนที่ให้บริการเข้าสู่สถานีหัวลำโพง ซึ่งต้องมาพิจารณาว่า จะปรับลดเหลือ 22 ขบวนที่ให้บริการหลังเปิดให้บรืการรถไฟฟ้าสายสีแดง เชิงพาณิชย์ในวันที่ 29 ..นี้มีความจำเป็นที่จะต้องเหลือขบวนให้บริการคงไว้หรือกระทบต่อการจราจรอย่างไร ต้องมีการปรับตารางเวลาการให้บริการหรือไม่ เนื่องจากเมื่อเปิดใช้สถานีกลางบางซื่อแล้ว จะต้องมีการบริหารดูแลสถานี รวมถึงการบำรุงรักษา เพราะหากเปิดวิ่งรถแล้ว อาจจะไม่คุ้มค่าต่อการเปิดสถานีกลางบางซื่อ ก็จะเป็นภาระต่อการรถไฟฯ โดยต้องประเมินว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลกระทบอย่างไร

ผมกล้าตัดสินใจอยู่แล้ว ส่วนใครจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรก็ว่าไป เพราะผมไม่อยากให้การรถไฟฯอยู่แบบนี้ ผมต้องการให้การรถไฟฯ มีสิ่งที่จะสามารถตอบคนในประเทศนี้ว่าเป็นการรถไฟฯจะเป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งสามารถประกอบกิจจการแล้วมีกำไรและสามารถดูแลประชาชนได้จริง อย่าเพิ่งไปดราม่ากันนายศักดิ์สยาม กล่าว

ในส่วนของกรณีของการหยุดการเดินสถานีหัวลำโพงนั้น ก็จะมีการประชุมพิจารณาทบทวนว่า มีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ ต้องพิจารณาข้อมูลอีกครั้ง และหากต้องมีการจัดรถรับส่งบริการ รวมถึงต้องหารือกับการรถไฟฯ และดูตัวเลขอีกครั้ง เนื่องจากจะต้องมีการประเมินเปรียบเทียบว่า การวิ่งให้บริการรถไฟเข้ามาสถานีหัวลำโพงกับการจราจรที่ติดขัดในช่วงปรับผ่านว่ามีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมจะพิจารณาถึงสิ่งที่จะมีผลกระทบต่างๆว่า จะสามารถปรับเวลาได้หรือไม่

ในใจลึกๆ คือ ต้องการแก้ไขปัญหาจราจร และแก้ไขปัญหาของการบริหารของรถไฟฯ ที่เบื้องต้น จะต้องนำตัวเลขและข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจ ถึงไม่มีรถไฟวิ่งตัดเลยก็ไม่ใช่ว่ารถจะไม่ติดไม่มีแน่นอนเพราะรถมันเยอะแต่ก็มองว่าจะดีขึ้นแน่นอน แต่ก็ต้องพิจารณาตัวเลขข้อมูลก่อนตัดสินใจ ทุกเรื่องสามารถทบทวนได้หมด ทุกวันนี้มีการปรับจาก 118 ขบวน เหลือ 22 ขบวน และจะสามารถปรับได้อีกหรือไหม

นายศักดิ์สยาม กล่าว