‘ศักดิ์สยาม’ เร่งสปีดเปิดใช้เส้นทางรถวิ่งความเร็ว 120 กม./ชม. ดีเดย์ 1 ก.ย.นี้ เปิดเพิ่ม 6 สายทาง 132 กม. พ่วงศักราชใหม่ปี 65 อีก 8 สายทาง กว่า 114 กม.

ศักดิ์สยามตามงานขยายเส้นทางอนุญาตให้รถวิ่งได้ 120 กม./ชม. ดีเดย์! 1 ..นี้ วิ่งเพิ่ม 6 สายทาง ระยะทาง 132 กม. ก่อนลุยต่อศักราชใหม่ปี 65 รวม 2 เฟส  8 สายทาง กว่า 114 กม. จ่อลงนามใช้งบ กปถ. ในเดือนนี้ พร้อมเร่งอัพเกรดถนนทางหลวงสายหลักทั่วไทย47 สายทาง 863 กม. สร้างสะพานคอนกรีตจุดกลับรถสะพานคนเดิมปรับปรุงกายภาพ รองรับ 120 กม./ชม.

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามผลการเปิดใช้เส้นทางที่อนุญาตให้รถวิ่งได้ 120 กิโลเมตร (กม.) / ชั่วโมง (ชม.) และความคืบหน้าการขยายเส้นทางที่จะเปิดใช้ในระยะถัดไปว่า นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ได้นำเสนอผลการใช้งานของประชาชนในเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ช่วง บางปะอินอ่างทอง ที่ได้เปิดใช้ไปตั้งแต่วันที่ 1 เม.. 2564 ซึ่งผู้ขับขี่ได้มีการใช้ความเร็วตามความเร็วจำกัดในแต่ละช่องทางดีขึ้น

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบจากสัดส่วนยานพาหนะที่วิ่งด้วยความเร็วที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดในแต่ละช่องทาง พบว่า มีการฝ่าฝืนการใช้ความเร็วในแต่ละช่องจราจรลดลง เทียบกับก่อนการบังคับใช้ความเร็ว 120 กม./ชม. โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวงได้รายงานว่า ในช่วงเส้นทางดังกล่าว มีการบังคับใช้กฎหมายและมีการออกใบสั่งแก่ผู้ฝ่าฝืนอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ในการประชุมได้มีการกำหนดแผนที่จะเปิดเส้นทางที่อนุญาตให้ประชาชนผู้ขับขี่ใช้ความเร็วสูงสุดได้ไม่เกิน 120 กม./ชม. ในช่องทางขวาสุดเพิ่มเติมอีก โดยมีเส้นทางตามแผนรวมระยะทางทั้งสิ้น 246 กม. โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ระยะที่ 2 จะเปิดให้ใช้ได้ ตั้งแต่วันที่ 1 .. 2564 เป็นต้นไป จำนวน 6 สายทาง ประกอบด้วย

  1. ทล. 1 (สนามกีฬาธูปะเตมีย์ประตูน้ำพระอินทร์กม. 35+000-กม. 45+000 .ปทุมธานี ระยะทาง 10 กม.
  2. ทล. 1 (หางน้ำหนองแขมวังไผ่) กม. 306+640-กม. 330+600  .นครสวรรค์ ระยะทาง 23.96 กม.
  3. ทล. 2 (บ่อทองมอจะบก) กม. 74+500-กม. 88+000 .นครราชสีมา ระยะทาง 13.5 กม.
  4. ทล. 32 (อ่างทองโพนางดำออก) กม. 50+000-กม. 111+473  .อ่างทอง, .สิงห์บุรี ระยะทาง 61.473 กม.
  5. ทล. 34 (บางนาทางเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกม. 1+500-กม. 15+000 .สมุทรปราการ ระยะทาง 13.5 กม.
  6. ทล. 304 (คลองหลวงแพ่งฉะเชิงเทรา) กม. 53+300-กม. 63+000 .ฉะเชิงเทรา ระยะทาง 9.7 กม.

ระยะที่ 3 จะเปิดให้ใช้ได้ ตั้งแต่วันที่ 1 .. 2565 เป็นต้นไป จำนวน 5 สายทาง ระยะทาง 65.47 กม. ประกอบด้วย

  1. ทล. 4 (เขาวังสระพระ) กม. 160+000-กม.167+000 .เพชรบุรี ระยะทาง 7 กม.
  2. ทล. 4 (เขาวังสระพระ) กม. 172+000-กม.183+500 .เพชรบุรี ระยะทาง 11.5 กม.
  3. ทล. 9 (บางแคคลองมหาสวัสดิ์) กม. 23+000-กม. 31+872 เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ระยะทาง 8.872 กม.
  4. ทล. 35 (นาโคกแพรกหนามแดง) กม. 56+000-กม. 80+600 .สมุทรสงคราม ระยะทาง 24.6 กม.
  5. ทล. 219 (สตึกหัวถนน) กม. 108+500-กม. 122+000 .บุรีรัมย์ ระยะทาง 13.5 กม.

ระยะที่ 4 จะเปิดให้ใช้ได้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 เป็นต้นไป จำนวน 3 สายทาง ระยะทาง 48.5 กม. ประกอบด้วย

  1. ทล. 1 (หนองแคสวนพฤกษาศาสตร์พุแค) กม. 79+000-กม. 105+000 .สระบุรี ระยะทาง 26 กม.
  2. ทล. 347 (เทคโนโลยีปทุมธานีต่างระดับเชียงรากน้อย) กม. 1+000-กม. 11+000 .ปทุมธานี ระยะทาง 10 กม.
  3. ทล. 219 (สตึกหัวถนน) กม. 122+000-กม. 134+500 .บุรีรัมย์ ระยะทาง 12.5 กม.

ทั้งนี้ ในเส้นทางที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกัน ระหว่างกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และ ทล. ภายใน .. 2564 โดยได้กำชับให้การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามมาตรการทางสาธารณสุขและประกาศที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

พร้อมทั้งให้ ทล.ประชาสัมพันธ์และสื่อสารให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง ทั้งในมิติของเส้นทางที่จะดำเนินการ และวันที่ที่ประชาชนจะสามารถใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 120 กม./ชม. ได้ตามกฎกระทรวง และ ประกาศผู้อำนวยการทางหลวง เพื่อให้เกิดการรับรู้อย่างทั่วถึง และถูกต้องต่อไป

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ยังได้ติดตามความคืบหน้าโครงการยกระดับความปลอดภัยบนทางหลวงสายหลักจำนวน 47 เส้นทาง รวมระยะทางทั้งสิ้น 863 กม. โดยเป็นเส้นทางในภาคเหนือ 9 เส้นทาง ระยะทาง 186 กม. เส้นทางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 เส้นทาง ระยะทาง 96 กม. เส้นทางในภาคกลาง 15 เส้นทาง ระยะทาง 288 กม. เส้นทางในภาคตะวันออก 9 เส้นทาง ระยะทาง 177 กม. และเส้นทางในภาคใต้ 7 เส้นทาง ระยะทาง 116 กม.

ทั้งนี้ จะต้องมีการก่อสร้างกำแพงคอนกรีต สะพานกลับรถหรือทางลอดกลับรถ สะพานคนเดินข้าม พร้อมทั้งปรับปรุงกายภาพ เส้นทางให้ปลอดภัย สามารถรองรับความเร็วสูงสุดได้ไม่เกิน 120 กม./ชม. โดยได้กำชับให้ ทล.เตรียมการออกแบบให้เหมาะสมเพื่อให้ประชาชนผู้สัญจรใช้งานได้อย่างสะดวกและปลอดภัยต่อไป