ผ่าแผน! ‘ไทยเวียตเจ็ท’ ฝ่าวิกฤตโควิด-19 จ่อเปิดไฟลท์สู่ 2 ประเทศในเอเชีย 1 ต.ค.64 พร้อมรับฝูงบินเพิ่ม 7 ลำในปีนี้
“ไทยเวียตเจ็ท” อัปเดตแผนธุรกิจการบินฝ่าวิกฤตโควิด-19 เผยไม่ได้รับผลกระทบมากนัก จ่อรับฝูงบินเพิ่มปีนี้ 7 ลำ เล็งเปิดบินไฟล์ทอินเตอร์ไป 2 ประเทศในเอเชีย 1 ต.ค.นี้ พร้อมหารือพาร์ทเนอร์ร่วม ตปท. เล็งทำ “Travel Bubble” คาดปีนี้มีผู้โดยสารแตะ 5 ล้านคน
นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยเวียตเจ็ท เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ตั้งแต่รอบแรกในช่วงปี 2562 ที่ผ่านมา สายการบินไทยเวียตเจ็ทยังคงเปิดบินให้บริการมาอย่างต่อเนื่องทุกวัน พร้อมทั้งยังได้ขยายเส้นทางบินใหม่ภายในประเทศถึง 6 เส้นทางเมื่อปี 2562 ด้วย โดยถือว่าเป็นการเติบโตของสายการบินท่ามกลางช่วงวิกฤต เนื่องจากสายการบินไทยเวียตเจ็ท เป็นสายการบินขนาดเล็ก จึงไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก
ขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาได้มีการปรับลดและเพิ่มเที่ยวบินตามความเหมาะสมของสถานการณ์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในการเดินทางของผู้โดยสารนั้น แต่สายการบินไทยเวียตเจ็ท ยังไม่เคยมีการลดจำนวนพนักงานเห็นได้จากจำนวนพนักงานของเรานั้นเพิ่มขึ้นถึง 20-25% หรือในปี 2562 มีพนักงานประมาณ 650 คน ซึ่งในปัจจุบัน มีพนักงานกว่า 800 คน และยังมีแนวโน้มการรับพนักงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย
นายวรเนติ กล่าวอีกว่า ในขณะนี้ สายการบินอยู่ระหว่างการเปิดรับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินรุ่นที่ 17 เพื่อรองรับแผนการขยายฝูงบินของทางสายการบิน โดยในปัจจุบันสายการบินไทยเวียตเจ็ทมีเครื่องบิน จำนวน 15 ลำ และอยู่ระหว่างการจดทะเบียนอีก 1 ลำ ซึ่งคาดว่า จะสามารถจดทะเบียนได้ภายใน ก.ค. นี้ นอกจากนี้ กำลังจะรับเครื่องบินใหม่เข้ามาเพิ่มภายในปี 2564 อีกจำนวน 7 ลำ ส่งผลให้ภายในสิ้นปีนี้ สายการบินไทยเวียตเจ็ท จะมีเครื่องบินรวมทั้งสิ้น 23 ลำ เพื่อให้บริการอย่างเพียงพอ และแก้ปัญหาเที่ยวบินล่าช้าด้วย
*** ดีเดย์! 1 ต.ค.นี้ เปิดบินไฟลท์อินเตอร์ 2 ประเทศ ***
สำหรับการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 นั้น มีทิศทางในการเตรียมความพร้อม เพื่อให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยในวันที่ 1 ต.ค. 2564 สายการบินไทยเวียตเจ็ท มีแผนที่จะเปิดให้บริการเส้นทางระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย 2 ประเทศ จาก 2-3 จุดบิน โดยจะเริ่มเปิดขายตั๋วโดยสารในช่วงปลาย ก.ค. หรือต้นส.ค.นี้ ส่วนจะเป็นประเทศไหนนั้น ต้องรอผลการเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประเทศนั้นๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นจากการหารือกับพาร์ทเนอร์ในต่างประเทศ อาทิ จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ มีความพร้อมที่จะเดินทางมายังประเทศไทย แต่ขึ้นอยู่กับมาตรการของแต่ละประเทศนั้นๆ หรือมาตรการการไม่ต้องกักตัวเมื่อกลับจากประเทศไทย เช่นเดียวกับเวียดนาม ที่รอผลการประเมินความสำเร็จของโครงการ ”ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” และเตรียมพิจารณาการทำ Travel Bubble เช่น เส้นทางระหว่างภูเก็ต–เกาะฟูก๊วก และภูเก็ต–ฮาลองเบย์ เป็นต้น โดย “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” จึงถือเป็นจังหวะการเริ่มต้นที่ดีของนักท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้เกิดการขยายตัวการเดินทางระหว่างประเทศต่อไปในอนาคต ในส่วนของไทยเวียตเจ็ทนั้น ได้เตรียมพร้อมสำหรับการขยายตัวในเส้นทางบินระหว่างประเทศ เพื่อรองรับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ไว้แล้ว
*** กลับมาบินวันละ 125 เที่ยวบิน ส.ค.นี้ ***
นอกจากนี้ ในปัจจุบันสายการบินไทยเวียตเจ็ท มีบริการเที่ยวบินให้บริการเส้นทางภายในประเทศ จำนวน 14 เส้นทางรวม 60 เที่ยวบิน/วัน จากเดิมในช่วง ธ.ค. 2563 ให้บริการทั้งสิ้น สิ้น 125 เที่ยวบิน/วัน และเตรียมปรับเพิ่มความถี่ในก.ค. นี้ เพื่อรองรับความต้องการในการเดินทางที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ คาดว่า จะกลับมาให้บริการเมี่ยวบินได้ตามปกติในส.ค. 2564 สำหรับเส้นทางภายในประเทศจำนวน 14 เส้นทางนั้น ได้แก่ กรุงเทพฯ (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) สู่เชียงใหม่ เชียงราย กระบี่ ภูเก็ต อุดรธานี หาดใหญ่ ขอนแก่น นครศรีธรรมราช อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี และเส้นทางระหว่างเชียงรายสู่ภูเก็ต หาดใหญ่ อุดรธานี รวมถึงเส้นทางระหว่างเชียงใหม่สู่นครศรีธรรมราช
“สายการบินไทยเวียตเจ็ต เปิดให้บริการมาแล้ว 5 ปี ที่ผ่านมา เราโฟกัสในเส้นทางบินระหว่างประเทศ แต่วันนี้จากยุทธศาสต์ที่เปลี่ยนไป ทำให้ต้องกลับมาโฟกัสที่ตลาดภายในประเทศให้เข้มข้นมากขึ้น โดยการนำเครื่องบินทั้งหมดมาทำการบินเส้นทางภายในประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในการเดินทางของผู้โดยสาร ทำให้เส้นทางในประเทศ ปรับตัวดีขึ้นอย่างรวดเร็ว และขณะนี้เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากจำนวนของประชากรที่ได้รับวัคซีนเพิ่มสูงขึ้น และครอบคลุมขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้โดยสารเริ่มกลับมาเดินทางกันมากขึ้นอีกครั้ง” นายวรเนติกล่าว
*** คาดปีนี้ ผู้โดยสารแตะ 5 ล้านคน ***
นายวรเนติ กล่าวต่อว่า ในช่วงไตรมาส 1/2564 จำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ จำนวนผู้โดยสาร เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส มีปริมาณเพิ่มขึ้นในอัตราที่ใกล้เคียงกัน โดยเมื่อปี 2563 สายการบินไทยเวียตเจ็ท มีผู้โดยสารจำนวน 3 ล้านคน ซึ่งในปี 2564 ณ ปัจจุบัน มีผู้โดยสารจำนวน 2 ล้านคน และคาดว่าทั้งปี2564 จะมีผู้โดยสาร จำนวน 5 ล้านคน
ด้านอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) ช่วงไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 72% ส่วนการคาดการณ์รายได้นั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20% ปัจจัยจากการรับเครื่องบินใหม่ ถือเป็นสัญญาณบวกของการเตรียมพร้อมในการขยายตัวของสายการบินไทยเวียตเจ็ต สำหรับในปี 2565 คาดการณ์ว่า สัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่ จะมาจากการให้บริการเส้นทางระหว่างประเทศ หรืออยู่ที่ 60% ของรายได้ทั้งหมด
*** ผุดแพลตฟอร์มใหม่ รับอีคอมเมิร์ซ ***
นายวรเนติ กล่าวต่ออีกว่า สายการบินยังได้ออกแคมเปญเพื่อสนับสนุนให้ผู้โดยสารที่ได้รับวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง ช่วยลดความเสี่ยง และแบ่งเบาหน้าที่บุคคลากรการแพทย์ โดยเรามอบสิทธิพิเศษให้ผู้โดยสารที่ได้รับวัคซีนโควิดครบ 2 เข็มแล้ว สามารถเลือกที่นั่งได้ฟรี อีกทั้ง เดินหน้าเปิดตัวแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและระบบสมาชิกมอบประสบการณ์พิเศษเหนือระดับ โดยวางแผนให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซภายใต้ชื่อ “สกายช็อป (Sky Shop)”
ทั้งนี้ ในช่วงแรก สกายช็อปจะเปิดจำหน่ายสินค้าและบริการจากสายการบินและคู่ค้า เช่น สินค้าที่ระลึกบนเที่ยวบินบัตรกำนัลเข้าพักโรงแรม ประกันภัยการเดินทาง ประกันวินาศภัย แพ็กเกจตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 และบริการการเดินทางอื่นๆ ในราคาพิเศษ ขณะที่ ในอนาคตคาดว่า จะพัฒนาสกายช็อปให้เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่นำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเดินหน้าพัฒนาประสบการณ์ลูกค้าให้พิเศษยิ่งขึ้น ด้วยระบบสมาชิกอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อ “สกายฟัน ลอยัลตี้ (SkyFUN Loyalty)” ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์และข้อเสนอพิเศษมากมายจากสายการบินและคู่ค้าในทุกๆ จุดหมายปลายทางที่เดินทางไปถึง